ศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย มีหน้าที่รับบริจาคอวัยวะและเนื้อเยื่อที่ปลอดภัยจากผู้บริจาค เพื่อนำมารักษาผู้ป่วยทั่วประเทศอย่างเพียงพอ โดยมีบทบาทกำกับ ดูแล ควบคุมการบริจาค และการปลูกถ่ายอวัยวะในประเทศ ให้เป็นไปตามมาตรฐาน ทำการศึกษา วิจัย ถ่ายทอดองค์ความรู้ใหม่ในเรื่องการบริจาค การปลูกถ่ายอวัยวะและเนื้อเยื่อแก่บุคลากรทางการแพทย์ และสาธารณชนทั่วไป นอกจากนี้ยังส่งเสริมสนับสนุนให้มีการบริจาคอวัยวะให้มากเพียงพอต่อการปลูกถ่ายอวัยวะภายในประเทศ การจัดสรรอวัยวะที่ได้รับบรจาคอย่างเป็นกลาง เสมอภาค โดยไม่มีการซื้อขายอวัยวะ และให้ได้รับประโยชน์สูงสุดต่อการนำอวัยวะต่างๆ ที่ได้รับไปใช้กับผู้ป่วย
ปัจจุบันมีผู้ป่วยในระยะสุดท้ายอยู่เป็นจำนวนมาก ที่ทุกข์ทรมานจากการที่อวัยวะสำคัญ เช่น หัวใจ, ตับ, ไต, ปอด ฯลฯ ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ วิธีรักษาทางการแพทย์ที่ดีที่สุดสำหรับผู้ป่วยเหล่านี้ คือ การปลูกถ่ายอวัยวะใหม่ ด้วยอวัยวะของผู้มีจิตศรัทธา ซึ่งได้แสดงเจตนารมณ์ในการบริจาคอวัยวะ หรือได้จากญาติที่มีความประสงค์จะบริจาคอวัยวะของบุคคลนั้น เพื่อช่วยเหลือผู้อื่นมาปลูกถ่าย จึงจะช่วยให้ผู้ป่วยในระยะสุดท้ายมีชีวิตอยู่เป็นประโยชน์ต่อครอบครัวและสังคมต่อไปได้ อวัยวะใหม่ที่สามารถนำมาปลูกถ่าย ได้แก่ หัวใจ, ตับ, ไต, ปอด, ตับอ่อน, กระดูก ฯลฯ ซึ่งได้มาจากการนำอวัยวะใหม่เปลี่ยนแทนอวัยวะเดิมที่เสื่อมสภาพ จนไม่สามารถทำหน้าที่ต่อไปได้ และการผ่าตัดนั้นจะเป็นการช่วยชีวิตผู้ป่วยในระยะสุดท้าย เพื่อให้อวัยวะใหม่นั้นทำงานแทนอวัยวะเดิม
ศูนย์รับบริจาคและปลูกถ่ายอวัยวะ โรงพยาบาลขอนแก่น เริ่มรับบริจาคอวัยวะจากผู้ป่วยสมองตายรายแรกเมื่อวันที่ 21 เมษายน 2542 ปลูกถ่ายไตรายแรกจากไตบริจาคจากสายสัมพันธ์ เมื่อปี 2554 ปัจจุบันเป็นสมาชิกสามัญของศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย โดยได้ดำเนินการปลูกถ่ายไตไปแล้วทั้งสิ้นจำนวน 71 ราย เป็นการปลูกถ่ายไตจากไตผู้เสียชีวิตสมองตาย จำนวน 60 ราย ปลูกถ่ายกระจกตาไปแล้วกว่า 200 ราย มี Regional Retrieval Team และเป็นโรงพยาบาลแห่งแรกของสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ที่ผ่าตัดนำไตออกนอกโรงพยาบาล รวมถึงการให้บริการการปลูกถ่ายไขกระดูกด้วยเซลล์ต้นกำเนิด มี Bone & Tissue Bank ปัจจุบันดำเนินการย่างเข้าสู่ทศวรรษที่ 3 แล้ว
ประวัติศูนย์รับบริจาคและปลูกถ่ายอวัยวะ โรงพยาบาลขอนแก่น
โรงพยาบาลขอนแก่นเริ่มมีการขอรับบริจาคอวัยวะผู้ป่วยสมองตายจากญาติ และมีผู้บริจาคอวัยวะสมองตายรายแรกของโรงพยาบาลขอนแก่น เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2542 โดยมีหัวหน้าหอผู้ป่วยศัลยกรรมอุบัติเหตุ ทำหน้าที่โทรศัพท์แจ้งพยาบาลผู้ประสานงานของหน่วยปลูกถ่ายอวัยวะของโรงพยาบาลศรีนครินทร์ มาดำเนินการต่อ หลังจากนั้นได้ส่งพยาบาลเข้ารับการอบรมเป็นพยาบาลผู้ประสานงานระยะเวลา 2 วัน ที่ศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย ผู้ที่เข้ารับการอบรม คือ หัวหน้าหอผู้ป่วยศัลยกรรมต่าง ๆ
ต่อมาได้มีการแต่งตั้งคณะทำงานโดยมีนายแพทย์สมบัติ บวรผดุงกิตติ เป็นประธาน หัวหน้าหอผู้ปป่วยศัลยกรรมต่าง ๆ เป็นคณะทำงาน และมีพยาบาลผู้ประสานงานของหน่วยปลูกถ่ายอวัยวะของโรงพยาบาลศรีนครินทร์ร่วมเป็นคณะทำงานด้วย และจัดตั้งกองทุนชื่อบัญชี กองทุนปลูกถ่ายอวัยวะ โรงพยาบาลขอนแก่น โดยมีนายแพทย์สมบัติ บวรผดุงกิตติ เป็นผู้รับผิดชอบ และมีนางสาวอัญชลี โสภณ หัวหน้าหอผู้ป่วยศัลยกรรมอุบัติเหตุ 1 เป็นผู้ประสานงานและรับผิดชอบเรื่องเอกสารและการจ่ายค่าตอบแทนผู้เกี่ยวข้อง
ผลการดำเนินงานจาก 20 เมษายน 2542 ถึง 11 กันยายน 2545 รวม 4 ปี จำนวน 53 ราย ได้อวัยวะ 46 ราย และไม่ได้อวัยวะ 7 ราย
ปี 2545 - 2549
โรงพยาบาลขอนแก่น เข้าร่วมโครงการโรงพยาบาลเครือข่ายศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย (Donor Hospital) ณ โรงพยาบาลขอนแก่น โดยแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารโครงการโรงพยาบาลเครือข่ายศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย ณ โรงพยาบาลขอนแก่น และได้ส่งนางสาววิไลวรรณ แสนโฮม พยาบาลวิชาชีพหน่วยปลูกถ่ายไต และนางอัมพร ช่วยหาร พยาบาลวิชาชีพประจำหอผู้ป่วยศัลยกรรมอุบัติเหตุ 1 ไปอบรมเป็นพยาบาลผู้ประสานงานระยะเวลา 2 วัน แต่ยังไม่มีสถานที่ทำงาน มีการเก็บรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ ไว้ที่หน่วยไตเทียม ได้จัดตารางเวรปฏิบัติงานของพยาบาลผู้ประสานงานทั้ง 2 คนโดยมีนางสาววิไลวรรณ แสนโฮม ทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานหลักรวมทั้งรวบรวมเอกสารต่าง ๆ ซึ่งคณะกรรมการจัดทำแนวทางปฏิบัติ 4 เรื่อง ดังนี้
1.ระเบียบปฏิบัติเลขที่ 1/2545 เรื่องการขออวัยวะผู้ป่วยสมองตายจากญาติ
2.ระเบียบปฏิบัติเลขที่ 2/2545 เรื่องข้อปฏิบัติการขอรับบริจาคอวัยวะผู้ป่วยสมองตายจากญาติของพยาบาลผู้ประสานงาน
3.ระเบียบปฏิบัติเลขที่ 3/2545 เรื่องการปฏิบัติต่อผู้บริจาคอวัยวะในหอผู้ป่วยของพยาบาลผู้ดูแล
4.ระเบียบปฏิบัติเลขที่ 4/2545 เรื่องการจ่ายค่าตอบแทน
ได้มีการจัดกิจกรรมต่าง ๆ เช่น จัดอบรมเรื่องการขอรับบริจาคอวัยวะและการดูแลผู้ป่วยให้แก่แพทย์และพยาบาล การเผยแพร่ประชาสัมพันธ์การขอรับบริจาคอวัยวะทั้งจากผู้ที่มีชีวิตและผู้ป่วยที่มีภาวะสมองตายจากญาติทั้งภายในและภายนอกโรงพยาบาล
ได้ส่งพยาบาลไปอบรมหลักสูตรพยาบาลผู้ประสานงาน ที่ศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย เพิ่มขึ้นอีก 12 คน และจัดตารางเวรพยาบาลผู้ประสานงาน 2 คนต่อสัปดาห์และติดตารางเวรไว้ที่หอผู้ป่วย เช่น หอผู้ป่วยศัลยกรรมอุบัติเหตุ 1 และ 2 หอผู้ป่วยศัลยกรรมหนักอุบัติเหตุ และหอผู้ป่วยหนักศัลยกรรม มีการดำเนินงานประสานงานกับพยาบาลประสานงานหน่วยปลูกถ่ายอวัยวะ โรงพยาบาลศรีนครินทร์ เนื่องจากยังไม่มีผู้รับผิดชอบชัดเจน ผู้ประสานงานหลักเป็นนางสาววิไลวรรณ แสนโฮม และนางอัมพร ช่วยหาร ปลายปี 2548 โรงพยาบาลขอนแก่น ส่งนางสาววิไลวรรณ แสนโฮม ไปอบรมหลักสูตร Advanced International Training Course in Transplant Coordination ที่ กรุง Barcelona ประเทศสเปน ระหว่างวันที่ 27 พฤศจิกายน ถึง 3 ธันวาคม 2548 หลังจากนั้นได้มีการจัดอบรมการขอรับบริจาคอวัยวะและการดูแลผู้ป่วยให้แก่บุคลากรของโรงพยาบาล เพื่อกระตุ้นให้มีการขอรับบริจาคอวัยวะมากขึ้น และจัดบอร์ดประชาสัมพันธ์ บริเวณชั้น 1 อาคารสิรินธรและแจกเอกสารประชาสัมพันธ์ขอรับบริจาคอวัยวะทั้งภายในและภายนอกโรงพยาบาล
ผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 4 พฤศจิกายน 2545 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2549 รวม 4 ปี ยอดขอรับบริจาคอวัยวะจำนวน 86 ราย ได้อวัยวะ 28 ราย ไม่ได้อวัยวะ 58 ราย
ปี 2550 – 2553
โรงพยาบาลขอนแก่นเข้าร่วมโครงการบริจาคอวัยวะเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในวโรกาสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี เริ่มเข้าโครงการ Case แรกวันที่ 1 สิงหาคม 2549 และเบิกเงินจากศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย เป็นค่าตอบแทนบุคลากรในกรณีได้อวัยวะเท่านั้น
วันที่ 11 เมษายน 2550 โรงพยาบาลขอนแก่น โดย นายแพทย์วิทยา จารุพูนผล ผู้อำนวยการโรงพยาบาล ได้มีการทำบันทึกความร่วมมือเพื่อสนับสนุนโครงการพัฒนาระบบการรับบริจาคอวัยวะในภูมิภาค ตามโครงการบริจาคอวัยวะเฉลิมพระเกียรติเนื่องในวโรกาสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี พร้อมเงินงบประมาณจำนวน 400,000 บาท (สี่แสนบาทถ้วน) และสมัครเข้าเป็นโรงพยาบาลที่สามารถให้บริการปลูกถ่ายอวัยวะได้ สมาคมปลูกถ่ายอวัยวะแห่งประเทศไทยและศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย ได้เข้ามาทำการประเมินความพร้อมและให้โรงพยาบาลขอนแก่นเป็นสมาชิกสมทบเมื่อเดือน พฤษภาคม 2550 โดยให้ผ่าตัดเปลี่ยนไตในผู้ป่วยที่มีญาติที่มีชีวิตบริจาคไตให้ครบ 5 ราย จึงขอสมัครเป็นศูนย์ปลูกถ่ายอวัยวะได้
ได้จัดจ้างบุคลากรปฏิบัติหน้าที่ผู้ช่วยผู้ประสานงานการปลูกถ่ายอวัยวะระยะเวลา 12 เดือน โดยใช้งบประมาณของโครงการสนับสนุนจากศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย กำหนดบทบาทหน้าที่การทำงานไว้ชัดเจน โดยสถานที่ของศูนย์ฯ ใช้ห้องที่ตึกศัลยกรรมอุบัติเหตุด้านหลังติดทางเดิน และจัดหาอุปกรณ์ที่เอื้อต่อการปฏิบัติงาน มอบหมายความรับผิดชอบที่นางสาววิไลวรรณ แสนโฮม เคยปฏิบัติมา ให้นางสาวพัชรินทร์ จัตุชัย ปฏิบัติงานแทน แต่ยังเป็นผู้ดูแลและอำนวยความสะดวกในการทำงานรวมถึงจัดกิจกรรมเผยแพร่ประชาสัมพันธ์การขอรับบริจาคอวัยวะทั้งภายในและภายนอกโรงพยาบาล