วิวัฒนาการศูนย์อุบัติเหตุและวิกฤตบำบัด
๒๕๓๐ – ๒๕๓๔
โรงพยาบาลขอนแก่นต้องรับภาระต่อการผ่าตัดรักษา ผู้ป่วยบาดเจ็บที่ศีรษะจากการประสบอุบัติเหตุเป็นจำนวนมาก ในขณะเดียวกันยังไม่มีประสาทศัลยแพทย์ ศัลยแพทย์ทั่วไปต้องรับผิดชอบผ่าตัดแทน ซึ่งผลสำเร็จของการรักษาผู้ป่วยตั้งอยู่บนสมมุติฐานที่ว่า
- ความเร็วของยานพาหนะมีผลต่อระดับความรุนแรงของอุบัติเหตุจราจร
- สาเหตุนำที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ แตกต่างกันไป เช่นเมา ง่วง พาหนะไม่สมบูรณ์ สภาพพื้นผิวถนน ความมืด ความสว่าง สิ่งแวดล้อม สิ่งกีดขวาง
- การไม่ป้องกันตนเอง มีผลต่อการบาดเจ็บ
- การช่วยเหลือ ณ จุดเกิดเหตุโดยผู้มีความรู้ ความชำนาญทางการแพทย์
- ระยะเวลาของผู้ป่วยที่ได้พบแพทย์
- การรักษาขั้นต้นของแพทย์คนแรก
- การนำส่งผู้ป่วยไปรับการรักษาต่อ หากเกินความสามารถต้องได้รับการดูแลระหว่างทางเป็นอย่างดี
- วิธีการนำส่งและระยะเวลาเดินทางเมื่อไปถึงแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
๒๕๓๔
ได้ทำการศึกษาวิจัยเพื่อหาข้อเท็จจริงตามสมมุติฐาน โดยทำการวิจัยร่วมกับกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ด้วยการใช้ Program Injury Surveillance ที่กองระบาดวิทยาพัฒนาขึ้น
- ผลที่ได้จากการศึกษาวิจัย พบว่าสมมุติฐานที่ตั้งไว้สอดคล้องกับข้อเท็จจริง มีการจัดพิมพ์รายงาน และจัดทำรายงานประจำปีInjury Surveillance ตั้งแต่เริ่มโครงการจนถึงปัจจุบัน และเผยแพร่ไปสู่โรงพยาบาลทุกระดับ
๒๕๓๕
ได้ทดลองจัดระบบการแพทย์ฉุกเฉิน โดยใช้ข้อมูลที่ได้จากการศึกษาวิจัย โดยเสนอผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น แต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาระบบบริการผู้ป่วย ณ จุดเกิดเหตุ เพื่อดำเนินการจัดตั้งระบบการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุจราจร พื้นที่ทดลองบริการในเขตเทศบาลนครขอนแก่น โดยมีการประชุมเพื่อหารูปแบบการให้บริการ คุณสมบัติของบุคลากรผู้ปฏิบัติงาน วิธีการปฏิบัติงาน ทรัพยากรสนับสนุนการปฏิบัติงานล้วนใช้ทรัพยากรตามสถานภาพที่มีอยู่ ณ ขณะนั้น โดยคำนึงถึงสภาวะเศรษฐกิจ สังคม และการรับรู้ของประชาชนในพื้นที่ร่วมด้วย
๒๕๓๖
ได้จัดตั้ง “หน่วยกู้ชีพ” ขึ้นเป็นแห่งแรกในจังหวัดขอนแก่น และเป็นแห่งแรกในส่วนภูมิภาค ณ มูลนิธิจิตกุศลขอนแก่น โดยมีนายเชาวน์วัศน์ สุดลาภา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในพิธีเปิด วัตถุประสงค์ต้องการให้บริการผู้ป่วยอุบัติเหตุจราจรในเขตเทศบาลนครขอนแก่นเป็นหลัก และให้บริการผู้ป่วยฉุกเฉินที่ไม่สามารถเดินทางไปโรงพยาบาลได้เอง โดยมีสถานีตำรวจภูธรเมืองขอนแก่นเป็นศูนย์สั่งการช่วยเหลือในเบื้องต้น หมายเลขโทรศัพท์ที่ใช้บริการผู้ป่วยคือ ๑๙๑
๒๕๓๗
จัดตั้ง “หน่วยกู้ชีพ” ขึ้นเป็นแห่งที่สอง สถานที่ปฏิบัติงาน คือ ห้องอุบัติเหตุและฉุกเฉิน โรงพยาบาลขอนแก่น โดยมี ศ.ดร.นพ.วิทุร แสงสิง-แก้ว อธิบดีกรมการแพทย์ เป็นประธานในพิธีเปิด
๒๕๓๘
โรงพยาบาลต่าง ๆ ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข และนอกสังกัดกระทรวงสาธารณสุข รวมทั้งภาคเอกชนของจังหวัดขอนแก่น ได้เห็นความสำคัญของการมี “หน่วยกู้ชีพ” จึงได้ร่วมกันจัดตั้ง “หน่วยกู้ชีพ” ขึ้นในหน่วยงานของตน เพื่อให้บริการผู้ป่วยอุบัติเหตุจราจรในพื้นที่บริการทางการแพทย์ แต่ยังไม่มีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบมากนัก เนื่องจากมีทรัพยากรจำกัด โดยมีโรงพยาบาลขอนแก่นเป็นแม่ข่าย ในการรับแจ้งเหตุผ่านทางหมายเลขโทรศัพท์ ๐๔๓ – ๒๓๗๑๓๗ และมีสถานีตำรวจภูธรเมืองขอนแก่นเป็นแม่ข่ายร่วม ใช้หมายเลขโทรศัพท์ ๑๙๑ เป็นหมายเลขรับแจ้งเหตุทางการแพทย์ฉุกเฉินด้วยแม่ข่าย /แม่ข่ายร่วม เมื่อได้รับแจ้งเหตุฉุกเฉินจะแจ้งให้หน่วยกู้ชีพในเขตพื้นที่เกิดเหตุออกให้บริการช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุจราจร ผลผู้ป่วยที่หน่วยกู้ชีพไปรับสามารถได้พบแพทย์คนแรกเร็วขึ้น
ผู้บริหารของโรงพยาบาลต่างๆ ที่จัดตั้ง“หน่วยกู้ชีพ”ได้เห็นความสำคัญของการจัดระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉินนี้ จึงได้จัดผู้ที่ผ่านอบรม / ฝึกปฏิบัติการช่วยชีวิต-รักษาพยาบาลเบื้องต้น (เทียบได้กับหลักสูตร First Responder ในปัจจุบัน) เป็นผู้ออกให้บริการ ณ จุดเกิดเหตุ เพื่อให้การรักษาพยาบาลเบื้องต้น พร้อมนำส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด ผู้ป่วยอุบัติเหตุจราจรบางรายที่มีความรุนแรงมากต้องให้แพทย์ / พยาบาลออกปฏิบัติงาน ร่วมด้วย ผลการปฏิบัติงานทำให้มีการนำส่งผู้ป่วยที่ประสบอุบัติเหตุจราจรจากที่ไม่เคยมีการนำส่งด้วย หน่วยกู้ชีพ มาเป็นผู้ป่วยที่ประสบอุบัติเหตุจราจรที่ถูกนำส่งด้วยหน่วยกู้ชีพ ประมาณ ร้อยละ ๕ ของผู้ป่วยอุบัติเหตุจราจรทั้งหมดที่มารับการรักษาพยาบาลที่ห้องอุบัติเหตุและฉุกเฉิน ผู้ป่วยจึงได้รับการรักษาพยาบาลได้ดีและรวดเร็วขึ้น
๒๕๓๙
ประเมินผลการให้บริการผู้ป่วยอุบัติเหตุจราจร พบว่าผู้ป่วยรุนแรงบางรายจำเป็นต้องให้แพทย์ พยาบาล ออกให้การช่วยเหลือ ณ จุดเกิดเหตุ ในขณะเดียวกันแพทย์ พยาบาล ที่ประจำห้องฉุกเฉินมีจำนวนจำกัด คณะกรรมการพัฒนาระบบบริการผู้ป่วย ณ จุดเกิดเหตุ เห็นปัญหาดังกล่าวจึงมอบหมายให้ทีมโรงพยาบาลขอนแก่นและวิทยาลัยการสาธารณสุขสิรินธร จังหวัดขอนแก่น จัดทำโครงการนำร่องสร้างหลักสูตร “ประกาศนียบัตรสาธารณศาสตร์ (กู้ชีพ) ระยะเวลาศึกษา ๒ ปี” เพื่อผลิตเจ้าพนักงานฉุกเฉินการแพทย์ ให้มาเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพในการปฏิบัติงานระบบบริการผู้ป่วย ณ จุดเกิดเหตุ ได้เริ่มผลิตเจ้าพนักงานฉุกเฉินการแพทย์ รุ่นที่ ๑ จำนวน ๑๗ คน หลังได้รับการอนุมัติหลักสูตรจากสถาบันพระบรมราชชนก สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ในปี พ.ศ. ๒๕๓๙ และสำเร็จการศึกษาในปี พ.ศ. ๒๕๔๑
๒๕๓๙
จัดทำโครงการ “ก่อสร้างอาคารอุบัติเหตุและฉุกเฉิน” โดยเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (นายเสนาะ เทียนทอง) เมื่อวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๙ ซึ่งได้รับอนุมัติโครงการในปีเดียวกัน แต่ช่วงนั้นเศรษฐกิจของประเทศอยู่ในขั้นวิกฤต รัฐบาลจึงได้อนุมัติเงินประมาณดำเนินการ จำนวน ๒๔๙.๕ ล้านบาท ในปีงบประมาณ ๒๕๔๒ และได้เริ่มทำการก่อสร้างในวันที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๔๒ เสร็จสิ้นวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๔ และเริ่มเปิดศูนย์อุบัติเหตุอย่างเป็นทางการในวันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๔
๒๕๔๐
ทบทวนความรู้ เรื่อง การป้องกันและควบคุมอุบัติเหตุจราจร ตลอดระยะ ๖ ปีที่ผ่านมา เห็นว่าองค์ความรู้ที่ได้จากเพื่อนร่วมอุดมการณ์เดียวกันมีจำนวนมากพอ ที่ถ่ายทอดให้ผู้มีหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจาก ๗ หน่วยงานหลัก อันประกอบด้วย คณะกรรมการป้องกันอุบัติภัยแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี ผู้ปฏิบัติงานในส่วนกลาง และหน่วยงานในส่วนภูมิภาคที่สังกัดกระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคม กระทรวงศึกษาธิการ ทบวงมหาวิทยาลัย กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานภาคเอกชน (สถาบันวิจัยแห่งประเทศไทย, สถาบันวิจัยสาธารณสุขไทย และสื่อมวลชน) จึงได้ร่วมกันจัดสัมมนาระดับชาติ เรื่อง อุบัติเหตุจราจร ครั้งที่ ๑ ซึ่งได้เรียนเชิญและได้รับการตอบรับจากนายกรัฐมนตรี (นายชวน หลีกภัย) มอบนโยบาย เพื่อให้ดำเนินงานต่อไป พร้อมทั้งรับข้อเสนอแนวนโยบายภาครัฐจากที่ประชุมไปพิจารณาต่อไป
๒๕๔๑
นพ.วิทยา ชาติบัญชาชัย และ นพ.วีระพันธ์ สุพรรณไชยมาตย์ พร้อมทั้งสถาปนิกจากกองวิศวกรรมทางการแพทย์ ได้เดินทางไปประเทศญี่ปุ่น เพื่อศึกษา – หารูปแบบ อาคารอุบัติเหตุและฉุกเฉิน ของโรงเรียนแพทย์ / โรงพยาบาลระดับตติยภูมิ ที่เหมาะสมที่จะมาเป็นต้นแบบให้อาคารอุบัติเหตุ ของโรงพยาบาลขอนแก่น โดยการประสานงานของรัฐบาลญี่ปุ่น (JICA)
๒๕๔๒
ได้ขอรับความช่วยเหลือจากรัฐบาลญี่ปุ่นให้การสนับสนุนรัฐบาลไทย ภายใต้โครงการ “The Project for Development of Trauma Center Complex” โดยเสนอผ่านกรมวิเทศสหการ สำนักนายกรัฐมนตรี ให้พิจารณาความเหมาะสมของโครงการตามลำดับความสำคัญก่อน – หลัง และรัฐบาลญี่ปุ่น ส่งผู้เชี่ยวชาญมาศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ จำนวน ๓ คณะ โดยพิจารณาถึง
- การให้ความสำคัญของโครงการโดยผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงสาธารณสุข
- การสนับสนุนโครงการ โดยผู้บริหารในพื้นที่(ผู้อำนวยการโรงพยาบาล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด และผู้ว่าราชการจังหวัด)
- การให้ความเชื่อมั่นต่อผู้รับผิดชอบโครงการในฐานะผู้บริหารโครงการทั้งหมดคือ นพ.วิทยา ชาติบัญชาชัย
- ผลที่ได้จากการสนับสนุนโครงการ
- ประชาชนได้อะไรโดยตรง
- รูปแบบการพัฒนาระบบบริหาร และระบบบริการ ในศูนย์อุบัติเหตุ
- การเป็นต้นแบบของการพัฒนา และขยายเป็นสถาบันการสอนในส่วนภูมิภาค
๒๕๔๓
รัฐบาลญี่ปุ่นได้ศึกษาความพร้อมและผลที่จะได้ จากการโครงการแนวโน้มของความสำเร็จและประโยชน์สูงสุดในระดับภูมิภาค จึงตอบรับเพื่อให้การสนับสนุนโครงการ “The Project for Development of Trauma Center Complex” โดยการบริหารจัดการของ นพ.วิทยา ชาติบัญชาชัย และมีการลงนามใน บันทึกความร่วมมือระหว่างประเทศ (MOU) ที่ห้องประชุม อุทัย สุขสุด สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข วันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๔๓ โดยมีผลในทันทีและกำหนดสิ้นสุดโครงการ พร้อมทั้งประเมินผลในวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๔๘ รูปแบบการพัฒนาโครงการประกอบด้วย
- การสนับสนุนผู้เชี่ยวชาญ ด้าน Emergency มาถ่ายทอดความรู้ ความสามารถให้บุคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาลขอนแก่น
- การบริหารจัดการในสถานการณ์ภัยพิบัติ / อุบัติเหตุกลุ่มชน และการติดต่อสื่อสารเพื่อ การช่วยเหลือ
- สื่อการเรียนการสอน
- การจัดการความรู้ด้านการป้องกันอุบัติเหตุจราจร
- อุปกรณ์ด้านความปลอดภัยจากอุบัติเหตุจราจร
- ครุภัณฑ์ทางการแพทย์ต้นแบบ ที่ควรมีในศูนย์อุบัติเหตุ
- ต้นแบบรถพยาบาลและระบบสื่อสาร
- ศูนย์ฝึกอบรมการช่วยชีวิต
- ส่งผู้รับผิดชอบไปฝึกอบรมด้านภาวะฉุกเฉินในประเทศญี่ปุ่น พัฒนาระบบสารสนเทศในระบบการแพทย์ฉุกเฉิน
- พัฒนาศูนย์สื่อสารและสั่งการด้านการแพทย์ฉุกเฉิน
- เสนอรูปแบบแนวนโยบายภาครัฐ ด้านการศึกษาและประชาสัมพันธ์ ในการป้องกันอุบัติเหตุจราจร
- จัดทำเอกสารการเรียนรู้คู่มือการปฏิบัติงาน คู่มือการวิเคราะห์ความเสี่ยง จุลสาร สื่อสิ่งพิมพ์เพื่อประชาสัมพันธ์ สื่อโสตเพื่อการเผยแพร่ ในทางช่องทางสื่อสารสาธารณะ
งบประมาณที่รัฐบาลญี่ปุ่นสนับสนุนโครงการ “The Project for Development of Trauma Center Complex” มากกว่า ๘๐ ล้านบาท หลังเสร็จสิ้นโครงการรัฐบาลญี่ปุ่นได้จัดส่งผู้เชี่ยวชาญมาตรวจเยี่ยม ให้คำแนะนำ ร่วมทำงานวิจัย และขอเชิญให้ นพ.วิทยา ไปเป็นวิทยากรเพื่อนำเสนอรูปแบบการพัฒนาศูนย์อุบัติเหตุในประเทศต่าง ๆ
๒๕๔๔
อาคาร “อุบัติเหตุ” ที่รัฐบาลสนับสนุน งบประมาณมีเฉพาะเพียงค่าก่อสร้างอาคาร ขาดงบประมาณจัดซื้อครุภัณฑ์ ได้ขอเสนอโครงการขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากกองโรงพยาบาลภูมิภาค จำนวน ๒๐ ล้านบาท เพื่อจัดซื้อครุภัณฑ์ที่จำเป็น และของบประมาณจากสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข เพื่อซื้อครุภัณฑ์เป็นเงิน ๗ ล้านบาท และได้รับงบประมาณตามที่ร้องขอไป และในปีเดียวกัน ได้จัดสัมมนาระดับชาติ เรื่อง อุบัติเหตุจราจร ครั้งที่ ๒ “การพัฒนาระบบบริการผู้ป่วยอุบัติเหตุ ในสหัสวรรษใหม่” มีผู้เข้าร่วมสัมมนาเป็นจำนวนมาก
๒๕๔๕
การขอเป็นศูนย์ฝึกอบรมขององค์การอนามัยโลก “WHO Collaborating Center in Pre Hospital Care and Injury Surveillance”และมีการจัดสัมมนาระดับชาติ เรื่อง อุบัติเหตุจราจร ครั้งที่ ๓ “การพัฒนาระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉิน ตามนโยบายรัฐบาล” ซึ่งเป็นการจัดสัมมนาต่อเนื่องทุกปี
๒๕๔๖
องค์การอนามัยโลก ได้อนุมัติให้โรงพยาบาลขอนแก่น เป็นศูนย์ประสานงานความร่วมมือทางวิชาการด้าน “Injury Prevention and Safety Promotion” เป็นแห่งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมี นพ.วิทยา ชาติบัญชาชัย เป็นผู้รับผิดชอบ (ผู้อำนวยการศูนย์ฯ) และกำหนดให้จัดการอบรมให้บุคลากรทางการแพทย์ในกลุ่มประเทศสมาชิก SEARO ในด้าน Injury Prevention และ Safety Promotion แต่ละครั้งของการอบรมจะมีบุคลากรทางการแพทย์ประเทศละ ๔ คน โดยกำหนดให้จัดอบรม ปีละ ๑ ครั้ง จนถึงปัจจุบัน และมีการจัดสัมมนาระดับชาติ เรื่อง อุบัติเหตุจราจร ครั้งที่ ๔ “การป้องกันการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ ”
เดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ เปิดอาคารศูนย์อุบัติเหตุและวิกฤตบำบัด
๒๕๔๗
ศูนย์อุบัติเหตุและวิกฤตบำบัด โรงพยาบาลขอนแก่น มีแผนพัฒนางานให้มีความก้าวหน้าและขยายให้ครอบคลุม และยังคงเป็นแกนหลักในการจัดจัดสัมมนาระดับชาติ เรื่อง อุบัติเหตุจราจร ครั้งที่ ๕ “การให้บริการการแพทย์ฉุกเฉิน ณ จุดเกิดเหตุ”
๒๕๔๘
รัฐบาลญี่ปุ่นได้อนุมัติให้ศูนย์อุบัติเหตุและวิกฤตบำบัด เป็นศูนย์ฝึกอบรมด้าน “Prevention and Safety Promotion” ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ในประเทศกลุ่มที่ ๓ ประเทศในลุ่มแม่น้ำโขงและประเทศในอาเซียน ประกอบด้วย สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ประเทศกัมพูชา ประเทศเมียนม่าร์ ประเทศอินโดนีเซีย ประเทศฟิลิปปินส์ ประเทศมาเลเซีย ประเทศสิงคโปร์ ประเทศบูรไน ประเทศเวียดนาม และประเทศไทย
มีการจัดสัมมนาระดับชาติ เรื่อง อุบัติเหตุจราจร ครั้งที่ ๖ “การป้องกันการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ จราจร” แก้ไขปัญหาการเกิดอุบัติเหตุจราจร โดยการที่จะทำให้จำนวนอุบัติเหตุลดลงได้ต้องอาศัยการมีส่วนร่วมจากหลายองค์กรมาดำเนินงาน โดยต้องมีการระดมผู้มีความรู้ ความสามารถ ใน ๖ ด้าน ประกอบด้วย
- Education
- Enforcement
- Engineering
- EMS
- Empowerment
- Evaluation
จึงเสนอแนวคิดดังกล่าวต่อ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เพื่อให้เกิด “โครงการ สนับสนุนการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนในจังหวัดนำร่อง”ที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่า “สอจร.”ในปี ๒๕๔๘ สสส. ได้ประเมินหลักการ แผนการปฏิบัติงาน แนวทางปฏิบัติ การมีส่วนร่วมขององค์กรและภาคประชาชน รูปแบบการติดตามและประเมินผล ผู้รับผิดชอบหลัก ผลสำเร็จที่ประชาชนจะได้รับ แรงผลักดันให้เกิดแนวนโยบายภาครัฐ
๒๕๔๙
การพัฒนาระบบบริการผู้ป่วยอุบัติเหตุระดับเขตตรวจราชการที่ ๑๐ และ ๑๒ การช่วยเหลือผู้ป่วยที่ประสบอุบัติเหตุจราจร ผู้ป่วยที่ประสบอุบัติเหตุจราจรที่เดินทางมาขอรับการรักษาที่โรงพยาบาลขอนแก่น ไม่ได้มีเฉพาะในเขตจังหวัดขอนแก่นเท่านั้น ยังมีผู้ป่วยจำนวนมากที่เดินทางข้ามจังหวัด ข้ามเขตตรวจราชการมาขอรับการรักษา สาเหตุเนื่องจากผู้ป่วยเห็นว่าจังหวัดขอนแก่นมีโรงพยาบาลที่มีศักยภาพสูงจำนวน ๒ แห่ง คือ โรงพยาบาลขอนแก่น และโรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
โรงพยาบาลขอนแก่น ไม่เคยปฏิเสธการรับผู้ป่วยไว้รักษา จำนวนการครองเตียงจึงมากกว่า ๑๐๐ % อยู่เสมอ จากปัญหาดังกล่าวจึงหาทางแก้ไขด้วยการเสนอผู้ตรวจราชการเขต ๑๐ และ ๑๒ ให้แต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาระบบบริการผู้ป่วยอุบัติเหตุ-ฉุกเฉิน เขต ๑๐ และ ๑๒ โดยมีผู้ตรวจราชการเป็นประธาน ตามคำสั่งสำนักงานสาธารณสุข ที่ ๕ / ๒๕๔๙ เรื่อง การแต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาระบบบริการผู้ป่วยอุบัติเหตุ – ฉุกเฉิน กลุ่มสาธารณสุขที่ ๖ (เขตตรวจราชการที่ ๑๐ และ ๑๒) กระทรวงสาธารณสุข โดยมีหน้าที่
- กำหนดนโยบายการพัฒนาระบบบริการผู้ป่วยฉุกเฉิน – อุบัติเหตุในเขต ๑๐ และ ๑๒
- มอบนโยบายและกำหนดผู้รับผิดชอบ ในแต่ละด้าน
- กำกับติดตามความก้าวหน้าของงานที่ได้สั่งการ / มอบหมายไว้
- กำหนดแนวทางการสั่งการในภาวะปกติและภาวะฉุกเฉิน ของผู้ป่วยอุบัติเหตุ และแต่งตั้งคณะทำงานพัฒนาระบบบริการผู้ป่วยอุบัติเหตุ – ฉุกเฉิน เขต ๑๐ และ ๑๒ ซึ่งกรรมการชุดนี้ได้มีการประชุมต่อเนื่องเพื่อหาแนวทางพัฒนาระบบงานร่วมกันทุก ๒ เดือน มาจนถึงปัจจุบัน
และในปีนี้ มีการจัดสัมมนาระดับชาติ เรื่อง อุบัติเหตุจราจร ครั้งที่ ๗ “ชุมชนถนนปลอดภัย : มอร์เตอร์ไซด์ ปลอดอุบัติเหตุ”
๒๕๕๐
เห็นว่าการดูแลผู้ป่วยที่บาดเจ็บ ในประเทศไทย มีความแตกต่างกันอย่างมาก จึงไม่สามารถกำหนดแหล่งอ้างอิงใดให้เป็นมาตรฐาน จึงได้เสนอในที่ประชุมอนุกรรมการขององค์การอนามัยโลก World Health Assembly Resolution ให้พิจารณา / จัดทำมาตรฐาน ในเรื่อง Trauma Care
ในปีนี้ มีการจัดสัมมนาระดับชาติ เรื่อง อุบัติเหตุจราจร ครั้งที่ ๘ “ท้องถิ่น – ชุมชน –ถนนปลอดภัย ร่วมใจลดอุบัติเหตุ”
๒๕๕๑
นพ.วิทยา ชาติบัญชาชัย ได้รับมอบหมายจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ให้เป็นหัวหน้าคณะไปศึกษาดูงาน เรื่อง การจัดการสถานการณ์สาธารณภัย ที่ประเทศสวีเดน ได้จัดทำเอกสาร เรื่อง “การบริหารจัดการทางการแพทย์ในสถานการณ์สาธารณภัย (Major Incident Medical Management and Support)” และได้การสนับสนุนจากสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ให้เป็นวิทยากรเดินทางไปอบรม ครู ก. ในหลักสูตร “การบริหารจัดการทางการแพทย์ในสถานการณ์สาธารณภัย (Major Incident Medical Management and Support)” ทั่วประเทศ
๒๕๕๒
นายแพทย์วิทยา ชาติบัญชาชัย ได้รับแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการดำเนินงานของ GRSP collaboration program on Community Youth Helmet Use Project รวมทั้งได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานคณะกรรมการฝ่ายอุบัติเหตุ ของราชวิทยาลัยศัลยแพทย์แห่งประเทศไทย และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาการพัฒนาระบบการให้บริการห้องฉุกเฉิน ของกระทรวงสาธารณสุข ประจำประเทศบังคลาเทศ
และมีการจัดสัมมนาระดับชาติ เรื่อง อุบัติเหตุจราจร ครั้งที่ ๙ “พลังเครือข่าย เพื่อถนนปลอดภัย: Partnership for Road Safety”
สำหรับในช่วงปลายปี ได้เริ่มโครงการ Motorway ของเขตตรวจราชการ ๑๐
๒๕๕๓
นพ.วิทยา ชาติบัญชาชัย ได้รับการแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการร่วมจัดทำ Resolution on injury prevention and safety promotion และนำเสนอในที่ประชุมครั้งที่ ๖๓ ของ WHO SEARO regional committee
องค์การอนามัยโลกได้แต่งตั้งให้ นพ.วิทยา ชาติบัญชาชัย เป็นผู้เชี่ยวชาญขององค์การอนามัยโลกในด้าน Trauma quality improvement program (TQI program) ซึ่ง นพ.วิทยา มีแผนที่จะจัดอบรม TQI Program ให้กับหัวหน้ากลุ่มงานศัลยกรรมทั่วประเทศในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ รวมทั้งร่วมผลักดันในเรื่อง WHO global alliance on trauma care
ตัวแทนของประเทศไทยในการประชุม “WHO Violence and Injury Prevention focal point meeting ครั้งที่ ๓ ” รวมทั้งได้รับมอบหมายให้นำเสนอรูปแบบของ Trauma System ของประเทศไทย และร่วมจัดทำ WHO SEARO recommendation on child traffic injury prevention
๒๕๕๔ – ๒๕๕๕
จัดทำโครงการวิจัยของ WHO trauma care check list project ในส่วนของประเทศไทย
ด้านการพัฒนาระบบสารสนเทศ เพื่อสนับสนุนการรักษาพยาบาลของผู้ประสบอุบัติเหตุจราจร นพ.วิทยา ได้ผลักดันให้สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ และบริษัทกลางผู้ประสบภัยจากรถ เชื่อมต่อฐานข้อมูล ITEM ของสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติกับฐานข้อมูล E –Claim ของบริษัทกลางผู้ประสบภัยจากรถ
ในปีนี้ มีการจัดสัมมนาระดับชาติ เรื่อง อุบัติเหตุจราจร ครั้งที่ ๑๐ “ทศวรรษแห่งการลงมือทำ: Time for Action”
เป็นแกนนำในการรณรงค์ในจังหวัด การสวมหมวกนิรภัยในการขับขี่มอเตอร์ไซค์ที่มากที่สุด และการลงนามในการป้องกันอุบัติเหตุที่ยาวที่สุดในประเทศไทยในปี ๒๕๕๔ และ๒๕๕๕ ตามลำดับ โดยการรับรองจากพิพิธภัณฑ์ริลีส์ พัทยา
๒๕๓๐ – ๒๕๓๔
โรงพยาบาลขอนแก่นต้องรับภาระต่อการผ่าตัดรักษา ผู้ป่วยบาดเจ็บที่ศีรษะจากการประสบอุบัติเหตุเป็นจำนวนมาก ในขณะเดียวกันยังไม่มีประสาทศัลยแพทย์ ศัลยแพทย์ทั่วไปต้องรับผิดชอบผ่าตัดแทน ซึ่งผลสำเร็จของการรักษาผู้ป่วยตั้งอยู่บนสมมุติฐานที่ว่า
- ความเร็วของยานพาหนะมีผลต่อระดับความรุนแรงของอุบัติเหตุจราจร
- สาเหตุนำที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ แตกต่างกันไป เช่นเมา ง่วง พาหนะไม่สมบูรณ์ สภาพพื้นผิวถนน ความมืด ความสว่าง สิ่งแวดล้อม สิ่งกีดขวาง
- การไม่ป้องกันตนเอง มีผลต่อการบาดเจ็บ
- การช่วยเหลือ ณ จุดเกิดเหตุโดยผู้มีความรู้ ความชำนาญทางการแพทย์
- ระยะเวลาของผู้ป่วยที่ได้พบแพทย์
- การรักษาขั้นต้นของแพทย์คนแรก
- การนำส่งผู้ป่วยไปรับการรักษาต่อ หากเกินความสามารถต้องได้รับการดูแลระหว่างทางเป็นอย่างดี
- วิธีการนำส่งและระยะเวลาเดินทางเมื่อไปถึงแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
๒๕๓๔
ได้ทำการศึกษาวิจัยเพื่อหาข้อเท็จจริงตามสมมุติฐาน โดยทำการวิจัยร่วมกับกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ด้วยการใช้ Program Injury Surveillance ที่กองระบาดวิทยาพัฒนาขึ้น
- ผลที่ได้จากการศึกษาวิจัย พบว่าสมมุติฐานที่ตั้งไว้สอดคล้องกับข้อเท็จจริง มีการจัดพิมพ์รายงาน และจัดทำรายงานประจำปีInjury Surveillance ตั้งแต่เริ่มโครงการจนถึงปัจจุบัน และเผยแพร่ไปสู่โรงพยาบาลทุกระดับ
๒๕๓๕
ได้ทดลองจัดระบบการแพทย์ฉุกเฉิน โดยใช้ข้อมูลที่ได้จากการศึกษาวิจัย โดยเสนอผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น แต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาระบบบริการผู้ป่วย ณ จุดเกิดเหตุ เพื่อดำเนินการจัดตั้งระบบการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุจราจร พื้นที่ทดลองบริการในเขตเทศบาลนครขอนแก่น โดยมีการประชุมเพื่อหารูปแบบการให้บริการ คุณสมบัติของบุคลากรผู้ปฏิบัติงาน วิธีการปฏิบัติงาน ทรัพยากรสนับสนุนการปฏิบัติงานล้วนใช้ทรัพยากรตามสถานภาพที่มีอยู่ ณ ขณะนั้น โดยคำนึงถึงสภาวะเศรษฐกิจ สังคม และการรับรู้ของประชาชนในพื้นที่ร่วมด้วย
๒๕๓๖
ได้จัดตั้ง “หน่วยกู้ชีพ” ขึ้นเป็นแห่งแรกในจังหวัดขอนแก่น และเป็นแห่งแรกในส่วนภูมิภาค ณ มูลนิธิจิตกุศลขอนแก่น โดยมีนายเชาวน์วัศน์ สุดลาภา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในพิธีเปิด วัตถุประสงค์ต้องการให้บริการผู้ป่วยอุบัติเหตุจราจรในเขตเทศบาลนครขอนแก่นเป็นหลัก และให้บริการผู้ป่วยฉุกเฉินที่ไม่สามารถเดินทางไปโรงพยาบาลได้เอง โดยมีสถานีตำรวจภูธรเมืองขอนแก่นเป็นศูนย์สั่งการช่วยเหลือในเบื้องต้น หมายเลขโทรศัพท์ที่ใช้บริการผู้ป่วยคือ ๑๙๑
๒๕๓๗
จัดตั้ง “หน่วยกู้ชีพ” ขึ้นเป็นแห่งที่สอง สถานที่ปฏิบัติงาน คือ ห้องอุบัติเหตุและฉุกเฉิน โรงพยาบาลขอนแก่น โดยมี ศ.ดร.นพ.วิทุร แสงสิง-แก้ว อธิบดีกรมการแพทย์ เป็นประธานในพิธีเปิด
๒๕๓๘
โรงพยาบาลต่าง ๆ ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข และนอกสังกัดกระทรวงสาธารณสุข รวมทั้งภาคเอกชนของจังหวัดขอนแก่น ได้เห็นความสำคัญของการมี “หน่วยกู้ชีพ” จึงได้ร่วมกันจัดตั้ง “หน่วยกู้ชีพ” ขึ้นในหน่วยงานของตน เพื่อให้บริการผู้ป่วยอุบัติเหตุจราจรในพื้นที่บริการทางการแพทย์ แต่ยังไม่มีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบมากนัก เนื่องจากมีทรัพยากรจำกัด โดยมีโรงพยาบาลขอนแก่นเป็นแม่ข่าย ในการรับแจ้งเหตุผ่านทางหมายเลขโทรศัพท์ ๐๔๓ – ๒๓๗๑๓๗ และมีสถานีตำรวจภูธรเมืองขอนแก่นเป็นแม่ข่ายร่วม ใช้หมายเลขโทรศัพท์ ๑๙๑ เป็นหมายเลขรับแจ้งเหตุทางการแพทย์ฉุกเฉินด้วยแม่ข่าย /แม่ข่ายร่วม เมื่อได้รับแจ้งเหตุฉุกเฉินจะแจ้งให้หน่วยกู้ชีพในเขตพื้นที่เกิดเหตุออกให้บริการช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุจราจร ผลผู้ป่วยที่หน่วยกู้ชีพไปรับสามารถได้พบแพทย์คนแรกเร็วขึ้น
ผู้บริหารของโรงพยาบาลต่างๆ ที่จัดตั้ง“หน่วยกู้ชีพ”ได้เห็นความสำคัญของการจัดระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉินนี้ จึงได้จัดผู้ที่ผ่านอบรม / ฝึกปฏิบัติการช่วยชีวิต-รักษาพยาบาลเบื้องต้น (เทียบได้กับหลักสูตร First Responder ในปัจจุบัน) เป็นผู้ออกให้บริการ ณ จุดเกิดเหตุ เพื่อให้การรักษาพยาบาลเบื้องต้น พร้อมนำส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด ผู้ป่วยอุบัติเหตุจราจรบางรายที่มีความรุนแรงมากต้องให้แพทย์ / พยาบาลออกปฏิบัติงาน ร่วมด้วย ผลการปฏิบัติงานทำให้มีการนำส่งผู้ป่วยที่ประสบอุบัติเหตุจราจรจากที่ไม่เคยมีการนำส่งด้วย หน่วยกู้ชีพ มาเป็นผู้ป่วยที่ประสบอุบัติเหตุจราจรที่ถูกนำส่งด้วยหน่วยกู้ชีพ ประมาณ ร้อยละ ๕ ของผู้ป่วยอุบัติเหตุจราจรทั้งหมดที่มารับการรักษาพยาบาลที่ห้องอุบัติเหตุและฉุกเฉิน ผู้ป่วยจึงได้รับการรักษาพยาบาลได้ดีและรวดเร็วขึ้น
๒๕๓๙
ประเมินผลการให้บริการผู้ป่วยอุบัติเหตุจราจร พบว่าผู้ป่วยรุนแรงบางรายจำเป็นต้องให้แพทย์ พยาบาล ออกให้การช่วยเหลือ ณ จุดเกิดเหตุ ในขณะเดียวกันแพทย์ พยาบาล ที่ประจำห้องฉุกเฉินมีจำนวนจำกัด คณะกรรมการพัฒนาระบบบริการผู้ป่วย ณ จุดเกิดเหตุ เห็นปัญหาดังกล่าวจึงมอบหมายให้ทีมโรงพยาบาลขอนแก่นและวิทยาลัยการสาธารณสุขสิรินธร จังหวัดขอนแก่น จัดทำโครงการนำร่องสร้างหลักสูตร “ประกาศนียบัตรสาธารณศาสตร์ (กู้ชีพ) ระยะเวลาศึกษา ๒ ปี” เพื่อผลิตเจ้าพนักงานฉุกเฉินการแพทย์ ให้มาเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพในการปฏิบัติงานระบบบริการผู้ป่วย ณ จุดเกิดเหตุ ได้เริ่มผลิตเจ้าพนักงานฉุกเฉินการแพทย์ รุ่นที่ ๑ จำนวน ๑๗ คน หลังได้รับการอนุมัติหลักสูตรจากสถาบันพระบรมราชชนก สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ในปี พ.ศ. ๒๕๓๙ และสำเร็จการศึกษาในปี พ.ศ. ๒๕๔๑
๒๕๓๙
จัดทำโครงการ “ก่อสร้างอาคารอุบัติเหตุและฉุกเฉิน” โดยเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (นายเสนาะ เทียนทอง) เมื่อวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๙ ซึ่งได้รับอนุมัติโครงการในปีเดียวกัน แต่ช่วงนั้นเศรษฐกิจของประเทศอยู่ในขั้นวิกฤต รัฐบาลจึงได้อนุมัติเงินประมาณดำเนินการ จำนวน ๒๔๙.๕ ล้านบาท ในปีงบประมาณ ๒๕๔๒ และได้เริ่มทำการก่อสร้างในวันที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๔๒ เสร็จสิ้นวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๔ และเริ่มเปิดศูนย์อุบัติเหตุอย่างเป็นทางการในวันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๔
๒๕๔๐
ทบทวนความรู้ เรื่อง การป้องกันและควบคุมอุบัติเหตุจราจร ตลอดระยะ ๖ ปีที่ผ่านมา เห็นว่าองค์ความรู้ที่ได้จากเพื่อนร่วมอุดมการณ์เดียวกันมีจำนวนมากพอ ที่ถ่ายทอดให้ผู้มีหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจาก ๗ หน่วยงานหลัก อันประกอบด้วย คณะกรรมการป้องกันอุบัติภัยแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี ผู้ปฏิบัติงานในส่วนกลาง และหน่วยงานในส่วนภูมิภาคที่สังกัดกระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคม กระทรวงศึกษาธิการ ทบวงมหาวิทยาลัย กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานภาคเอกชน (สถาบันวิจัยแห่งประเทศไทย, สถาบันวิจัยสาธารณสุขไทย และสื่อมวลชน) จึงได้ร่วมกันจัดสัมมนาระดับชาติ เรื่อง อุบัติเหตุจราจร ครั้งที่ ๑ ซึ่งได้เรียนเชิญและได้รับการตอบรับจากนายกรัฐมนตรี (นายชวน หลีกภัย) มอบนโยบาย เพื่อให้ดำเนินงานต่อไป พร้อมทั้งรับข้อเสนอแนวนโยบายภาครัฐจากที่ประชุมไปพิจารณาต่อไป
๒๕๔๑
นพ.วิทยา ชาติบัญชาชัย และ นพ.วีระพันธ์ สุพรรณไชยมาตย์ พร้อมทั้งสถาปนิกจากกองวิศวกรรมทางการแพทย์ ได้เดินทางไปประเทศญี่ปุ่น เพื่อศึกษา – หารูปแบบ อาคารอุบัติเหตุและฉุกเฉิน ของโรงเรียนแพทย์ / โรงพยาบาลระดับตติยภูมิ ที่เหมาะสมที่จะมาเป็นต้นแบบให้อาคารอุบัติเหตุ ของโรงพยาบาลขอนแก่น โดยการประสานงานของรัฐบาลญี่ปุ่น (JICA)
๒๕๔๒
ได้ขอรับความช่วยเหลือจากรัฐบาลญี่ปุ่นให้การสนับสนุนรัฐบาลไทย ภายใต้โครงการ “The Project for Development of Trauma Center Complex” โดยเสนอผ่านกรมวิเทศสหการ สำนักนายกรัฐมนตรี ให้พิจารณาความเหมาะสมของโครงการตามลำดับความสำคัญก่อน – หลัง และรัฐบาลญี่ปุ่น ส่งผู้เชี่ยวชาญมาศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ จำนวน ๓ คณะ โดยพิจารณาถึง
- การให้ความสำคัญของโครงการโดยผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงสาธารณสุข
- การสนับสนุนโครงการ โดยผู้บริหารในพื้นที่(ผู้อำนวยการโรงพยาบาล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด และผู้ว่าราชการจังหวัด)
- การให้ความเชื่อมั่นต่อผู้รับผิดชอบโครงการในฐานะผู้บริหารโครงการทั้งหมดคือ นพ.วิทยา ชาติบัญชาชัย
- ผลที่ได้จากการสนับสนุนโครงการ
- ประชาชนได้อะไรโดยตรง
- รูปแบบการพัฒนาระบบบริหาร และระบบบริการ ในศูนย์อุบัติเหตุ
- การเป็นต้นแบบของการพัฒนา และขยายเป็นสถาบันการสอนในส่วนภูมิภาค
๒๕๔๓
รัฐบาลญี่ปุ่นได้ศึกษาความพร้อมและผลที่จะได้ จากการโครงการแนวโน้มของความสำเร็จและประโยชน์สูงสุดในระดับภูมิภาค จึงตอบรับเพื่อให้การสนับสนุนโครงการ “The Project for Development of Trauma Center Complex” โดยการบริหารจัดการของ นพ.วิทยา ชาติบัญชาชัย และมีการลงนามใน บันทึกความร่วมมือระหว่างประเทศ (MOU) ที่ห้องประชุม อุทัย สุขสุด สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข วันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๔๓ โดยมีผลในทันทีและกำหนดสิ้นสุดโครงการ พร้อมทั้งประเมินผลในวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๔๘ รูปแบบการพัฒนาโครงการประกอบด้วย
- การสนับสนุนผู้เชี่ยวชาญ ด้าน Emergency มาถ่ายทอดความรู้ ความสามารถให้บุคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาลขอนแก่น
- การบริหารจัดการในสถานการณ์ภัยพิบัติ / อุบัติเหตุกลุ่มชน และการติดต่อสื่อสารเพื่อ การช่วยเหลือ
- สื่อการเรียนการสอน
- การจัดการความรู้ด้านการป้องกันอุบัติเหตุจราจร
- อุปกรณ์ด้านความปลอดภัยจากอุบัติเหตุจราจร
- ครุภัณฑ์ทางการแพทย์ต้นแบบ ที่ควรมีในศูนย์อุบัติเหตุ
- ต้นแบบรถพยาบาลและระบบสื่อสาร
- ศูนย์ฝึกอบรมการช่วยชีวิต
- ส่งผู้รับผิดชอบไปฝึกอบรมด้านภาวะฉุกเฉินในประเทศญี่ปุ่น พัฒนาระบบสารสนเทศในระบบการแพทย์ฉุกเฉิน
- พัฒนาศูนย์สื่อสารและสั่งการด้านการแพทย์ฉุกเฉิน
- เสนอรูปแบบแนวนโยบายภาครัฐ ด้านการศึกษาและประชาสัมพันธ์ ในการป้องกันอุบัติเหตุจราจร
- จัดทำเอกสารการเรียนรู้คู่มือการปฏิบัติงาน คู่มือการวิเคราะห์ความเสี่ยง จุลสาร สื่อสิ่งพิมพ์เพื่อประชาสัมพันธ์ สื่อโสตเพื่อการเผยแพร่ ในทางช่องทางสื่อสารสาธารณะ
งบประมาณที่รัฐบาลญี่ปุ่นสนับสนุนโครงการ “The Project for Development of Trauma Center Complex” มากกว่า ๘๐ ล้านบาท หลังเสร็จสิ้นโครงการรัฐบาลญี่ปุ่นได้จัดส่งผู้เชี่ยวชาญมาตรวจเยี่ยม ให้คำแนะนำ ร่วมทำงานวิจัย และขอเชิญให้ นพ.วิทยา ไปเป็นวิทยากรเพื่อนำเสนอรูปแบบการพัฒนาศูนย์อุบัติเหตุในประเทศต่าง ๆ
๒๕๔๔
อาคาร “อุบัติเหตุ” ที่รัฐบาลสนับสนุน งบประมาณมีเฉพาะเพียงค่าก่อสร้างอาคาร ขาดงบประมาณจัดซื้อครุภัณฑ์ ได้ขอเสนอโครงการขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากกองโรงพยาบาลภูมิภาค จำนวน ๒๐ ล้านบาท เพื่อจัดซื้อครุภัณฑ์ที่จำเป็น และของบประมาณจากสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข เพื่อซื้อครุภัณฑ์เป็นเงิน ๗ ล้านบาท และได้รับงบประมาณตามที่ร้องขอไป และในปีเดียวกัน ได้จัดสัมมนาระดับชาติ เรื่อง อุบัติเหตุจราจร ครั้งที่ ๒ “การพัฒนาระบบบริการผู้ป่วยอุบัติเหตุ ในสหัสวรรษใหม่” มีผู้เข้าร่วมสัมมนาเป็นจำนวนมาก
๒๕๔๕
การขอเป็นศูนย์ฝึกอบรมขององค์การอนามัยโลก “WHO Collaborating Center in Pre Hospital Care and Injury Surveillance”และมีการจัดสัมมนาระดับชาติ เรื่อง อุบัติเหตุจราจร ครั้งที่ ๓ “การพัฒนาระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉิน ตามนโยบายรัฐบาล” ซึ่งเป็นการจัดสัมมนาต่อเนื่องทุกปี
๒๕๔๖
องค์การอนามัยโลก ได้อนุมัติให้โรงพยาบาลขอนแก่น เป็นศูนย์ประสานงานความร่วมมือทางวิชาการด้าน “Injury Prevention and Safety Promotion” เป็นแห่งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมี นพ.วิทยา ชาติบัญชาชัย เป็นผู้รับผิดชอบ (ผู้อำนวยการศูนย์ฯ) และกำหนดให้จัดการอบรมให้บุคลากรทางการแพทย์ในกลุ่มประเทศสมาชิก SEARO ในด้าน Injury Prevention และ Safety Promotion แต่ละครั้งของการอบรมจะมีบุคลากรทางการแพทย์ประเทศละ ๔ คน โดยกำหนดให้จัดอบรม ปีละ ๑ ครั้ง จนถึงปัจจุบัน และมีการจัดสัมมนาระดับชาติ เรื่อง อุบัติเหตุจราจร ครั้งที่ ๔ “การป้องกันการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ ”
เดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ เปิดอาคารศูนย์อุบัติเหตุและวิกฤตบำบัด
๒๕๔๗
ศูนย์อุบัติเหตุและวิกฤตบำบัด โรงพยาบาลขอนแก่น มีแผนพัฒนางานให้มีความก้าวหน้าและขยายให้ครอบคลุม และยังคงเป็นแกนหลักในการจัดจัดสัมมนาระดับชาติ เรื่อง อุบัติเหตุจราจร ครั้งที่ ๕ “การให้บริการการแพทย์ฉุกเฉิน ณ จุดเกิดเหตุ”
๒๕๔๘
รัฐบาลญี่ปุ่นได้อนุมัติให้ศูนย์อุบัติเหตุและวิกฤตบำบัด เป็นศูนย์ฝึกอบรมด้าน “Prevention and Safety Promotion” ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ในประเทศกลุ่มที่ ๓ ประเทศในลุ่มแม่น้ำโขงและประเทศในอาเซียน ประกอบด้วย สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ประเทศกัมพูชา ประเทศเมียนม่าร์ ประเทศอินโดนีเซีย ประเทศฟิลิปปินส์ ประเทศมาเลเซีย ประเทศสิงคโปร์ ประเทศบูรไน ประเทศเวียดนาม และประเทศไทย
มีการจัดสัมมนาระดับชาติ เรื่อง อุบัติเหตุจราจร ครั้งที่ ๖ “การป้องกันการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ จราจร” แก้ไขปัญหาการเกิดอุบัติเหตุจราจร โดยการที่จะทำให้จำนวนอุบัติเหตุลดลงได้ต้องอาศัยการมีส่วนร่วมจากหลายองค์กรมาดำเนินงาน โดยต้องมีการระดมผู้มีความรู้ ความสามารถ ใน ๖ ด้าน ประกอบด้วย
- Education
- Enforcement
- Engineering
- EMS
- Empowerment
- Evaluation
จึงเสนอแนวคิดดังกล่าวต่อ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เพื่อให้เกิด “โครงการ สนับสนุนการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนในจังหวัดนำร่อง”ที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่า “สอจร.”ในปี ๒๕๔๘ สสส. ได้ประเมินหลักการ แผนการปฏิบัติงาน แนวทางปฏิบัติ การมีส่วนร่วมขององค์กรและภาคประชาชน รูปแบบการติดตามและประเมินผล ผู้รับผิดชอบหลัก ผลสำเร็จที่ประชาชนจะได้รับ แรงผลักดันให้เกิดแนวนโยบายภาครัฐ
๒๕๔๙
การพัฒนาระบบบริการผู้ป่วยอุบัติเหตุระดับเขตตรวจราชการที่ ๑๐ และ ๑๒ การช่วยเหลือผู้ป่วยที่ประสบอุบัติเหตุจราจร ผู้ป่วยที่ประสบอุบัติเหตุจราจรที่เดินทางมาขอรับการรักษาที่โรงพยาบาลขอนแก่น ไม่ได้มีเฉพาะในเขตจังหวัดขอนแก่นเท่านั้น ยังมีผู้ป่วยจำนวนมากที่เดินทางข้ามจังหวัด ข้ามเขตตรวจราชการมาขอรับการรักษา สาเหตุเนื่องจากผู้ป่วยเห็นว่าจังหวัดขอนแก่นมีโรงพยาบาลที่มีศักยภาพสูงจำนวน ๒ แห่ง คือ โรงพยาบาลขอนแก่น และโรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
โรงพยาบาลขอนแก่น ไม่เคยปฏิเสธการรับผู้ป่วยไว้รักษา จำนวนการครองเตียงจึงมากกว่า ๑๐๐ % อยู่เสมอ จากปัญหาดังกล่าวจึงหาทางแก้ไขด้วยการเสนอผู้ตรวจราชการเขต ๑๐ และ ๑๒ ให้แต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาระบบบริการผู้ป่วยอุบัติเหตุ-ฉุกเฉิน เขต ๑๐ และ ๑๒ โดยมีผู้ตรวจราชการเป็นประธาน ตามคำสั่งสำนักงานสาธารณสุข ที่ ๕ / ๒๕๔๙ เรื่อง การแต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาระบบบริการผู้ป่วยอุบัติเหตุ – ฉุกเฉิน กลุ่มสาธารณสุขที่ ๖ (เขตตรวจราชการที่ ๑๐ และ ๑๒) กระทรวงสาธารณสุข โดยมีหน้าที่
- กำหนดนโยบายการพัฒนาระบบบริการผู้ป่วยฉุกเฉิน – อุบัติเหตุในเขต ๑๐ และ ๑๒
- มอบนโยบายและกำหนดผู้รับผิดชอบ ในแต่ละด้าน
- กำกับติดตามความก้าวหน้าของงานที่ได้สั่งการ / มอบหมายไว้
- กำหนดแนวทางการสั่งการในภาวะปกติและภาวะฉุกเฉิน ของผู้ป่วยอุบัติเหตุ และแต่งตั้งคณะทำงานพัฒนาระบบบริการผู้ป่วยอุบัติเหตุ – ฉุกเฉิน เขต ๑๐ และ ๑๒ ซึ่งกรรมการชุดนี้ได้มีการประชุมต่อเนื่องเพื่อหาแนวทางพัฒนาระบบงานร่วมกันทุก ๒ เดือน มาจนถึงปัจจุบัน
และในปีนี้ มีการจัดสัมมนาระดับชาติ เรื่อง อุบัติเหตุจราจร ครั้งที่ ๗ “ชุมชนถนนปลอดภัย : มอร์เตอร์ไซด์ ปลอดอุบัติเหตุ”
๒๕๕๐
เห็นว่าการดูแลผู้ป่วยที่บาดเจ็บ ในประเทศไทย มีความแตกต่างกันอย่างมาก จึงไม่สามารถกำหนดแหล่งอ้างอิงใดให้เป็นมาตรฐาน จึงได้เสนอในที่ประชุมอนุกรรมการขององค์การอนามัยโลก World Health Assembly Resolution ให้พิจารณา / จัดทำมาตรฐาน ในเรื่อง Trauma Care
ในปีนี้ มีการจัดสัมมนาระดับชาติ เรื่อง อุบัติเหตุจราจร ครั้งที่ ๘ “ท้องถิ่น – ชุมชน –ถนนปลอดภัย ร่วมใจลดอุบัติเหตุ”
๒๕๕๑
นพ.วิทยา ชาติบัญชาชัย ได้รับมอบหมายจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ให้เป็นหัวหน้าคณะไปศึกษาดูงาน เรื่อง การจัดการสถานการณ์สาธารณภัย ที่ประเทศสวีเดน ได้จัดทำเอกสาร เรื่อง “การบริหารจัดการทางการแพทย์ในสถานการณ์สาธารณภัย (Major Incident Medical Management and Support)” และได้การสนับสนุนจากสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ให้เป็นวิทยากรเดินทางไปอบรม ครู ก. ในหลักสูตร “การบริหารจัดการทางการแพทย์ในสถานการณ์สาธารณภัย (Major Incident Medical Management and Support)” ทั่วประเทศ
๒๕๕๒
นายแพทย์วิทยา ชาติบัญชาชัย ได้รับแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการดำเนินงานของ GRSP collaboration program on Community Youth Helmet Use Project รวมทั้งได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานคณะกรรมการฝ่ายอุบัติเหตุ ของราชวิทยาลัยศัลยแพทย์แห่งประเทศไทย และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาการพัฒนาระบบการให้บริการห้องฉุกเฉิน ของกระทรวงสาธารณสุข ประจำประเทศบังคลาเทศ
และมีการจัดสัมมนาระดับชาติ เรื่อง อุบัติเหตุจราจร ครั้งที่ ๙ “พลังเครือข่าย เพื่อถนนปลอดภัย: Partnership for Road Safety”
สำหรับในช่วงปลายปี ได้เริ่มโครงการ Motorway ของเขตตรวจราชการ ๑๐
๒๕๕๓
นพ.วิทยา ชาติบัญชาชัย ได้รับการแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการร่วมจัดทำ Resolution on injury prevention and safety promotion และนำเสนอในที่ประชุมครั้งที่ ๖๓ ของ WHO SEARO regional committee
องค์การอนามัยโลกได้แต่งตั้งให้ นพ.วิทยา ชาติบัญชาชัย เป็นผู้เชี่ยวชาญขององค์การอนามัยโลกในด้าน Trauma quality improvement program (TQI program) ซึ่ง นพ.วิทยา มีแผนที่จะจัดอบรม TQI Program ให้กับหัวหน้ากลุ่มงานศัลยกรรมทั่วประเทศในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ รวมทั้งร่วมผลักดันในเรื่อง WHO global alliance on trauma care
ตัวแทนของประเทศไทยในการประชุม “WHO Violence and Injury Prevention focal point meeting ครั้งที่ ๓ ” รวมทั้งได้รับมอบหมายให้นำเสนอรูปแบบของ Trauma System ของประเทศไทย และร่วมจัดทำ WHO SEARO recommendation on child traffic injury prevention
๒๕๕๔ – ๒๕๕๕
จัดทำโครงการวิจัยของ WHO trauma care check list project ในส่วนของประเทศไทย
ด้านการพัฒนาระบบสารสนเทศ เพื่อสนับสนุนการรักษาพยาบาลของผู้ประสบอุบัติเหตุจราจร นพ.วิทยา ได้ผลักดันให้สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ และบริษัทกลางผู้ประสบภัยจากรถ เชื่อมต่อฐานข้อมูล ITEM ของสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติกับฐานข้อมูล E –Claim ของบริษัทกลางผู้ประสบภัยจากรถ
ในปีนี้ มีการจัดสัมมนาระดับชาติ เรื่อง อุบัติเหตุจราจร ครั้งที่ ๑๐ “ทศวรรษแห่งการลงมือทำ: Time for Action”
เป็นแกนนำในการรณรงค์ในจังหวัด การสวมหมวกนิรภัยในการขับขี่มอเตอร์ไซค์ที่มากที่สุด และการลงนามในการป้องกันอุบัติเหตุที่ยาวที่สุดในประเทศไทยในปี ๒๕๕๔ และ๒๕๕๕ ตามลำดับ โดยการรับรองจากพิพิธภัณฑ์ริลีส์ พัทยา
๒๕๓๐ – ๒๕๓๔
โรงพยาบาลขอนแก่นต้องรับภาระต่อการผ่าตัดรักษา ผู้ป่วยบาดเจ็บที่ศีรษะจากการประสบอุบัติเหตุเป็นจำนวนมาก ในขณะเดียวกันยังไม่มีประสาทศัลยแพทย์ ศัลยแพทย์ทั่วไปต้องรับผิดชอบผ่าตัดแทน ซึ่งผลสำเร็จของการรักษาผู้ป่วยตั้งอยู่บนสมมุติฐานที่ว่า
- ความเร็วของยานพาหนะมีผลต่อระดับความรุนแรงของอุบัติเหตุจราจร
- สาเหตุนำที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ แตกต่างกันไป เช่นเมา ง่วง พาหนะไม่สมบูรณ์ สภาพพื้นผิวถนน ความมืด ความสว่าง สิ่งแวดล้อม สิ่งกีดขวาง
- การไม่ป้องกันตนเอง มีผลต่อการบาดเจ็บ
- การช่วยเหลือ ณ จุดเกิดเหตุโดยผู้มีความรู้ ความชำนาญทางการแพทย์
- ระยะเวลาของผู้ป่วยที่ได้พบแพทย์
- การรักษาขั้นต้นของแพทย์คนแรก
- การนำส่งผู้ป่วยไปรับการรักษาต่อ หากเกินความสามารถต้องได้รับการดูแลระหว่างทางเป็นอย่างดี
- วิธีการนำส่งและระยะเวลาเดินทางเมื่อไปถึงแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
๒๕๓๔
ได้ทำการศึกษาวิจัยเพื่อหาข้อเท็จจริงตามสมมุติฐาน โดยทำการวิจัยร่วมกับกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ด้วยการใช้ Program Injury Surveillance ที่กองระบาดวิทยาพัฒนาขึ้น
- ผลที่ได้จากการศึกษาวิจัย พบว่าสมมุติฐานที่ตั้งไว้สอดคล้องกับข้อเท็จจริง มีการจัดพิมพ์รายงาน และจัดทำรายงานประจำปีInjury Surveillance ตั้งแต่เริ่มโครงการจนถึงปัจจุบัน และเผยแพร่ไปสู่โรงพยาบาลทุกระดับ
๒๕๓๕
ได้ทดลองจัดระบบการแพทย์ฉุกเฉิน โดยใช้ข้อมูลที่ได้จากการศึกษาวิจัย โดยเสนอผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น แต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาระบบบริการผู้ป่วย ณ จุดเกิดเหตุ เพื่อดำเนินการจัดตั้งระบบการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุจราจร พื้นที่ทดลองบริการในเขตเทศบาลนครขอนแก่น โดยมีการประชุมเพื่อหารูปแบบการให้บริการ คุณสมบัติของบุคลากรผู้ปฏิบัติงาน วิธีการปฏิบัติงาน ทรัพยากรสนับสนุนการปฏิบัติงานล้วนใช้ทรัพยากรตามสถานภาพที่มีอยู่ ณ ขณะนั้น โดยคำนึงถึงสภาวะเศรษฐกิจ สังคม และการรับรู้ของประชาชนในพื้นที่ร่วมด้วย
๒๕๓๖
ได้จัดตั้ง “หน่วยกู้ชีพ” ขึ้นเป็นแห่งแรกในจังหวัดขอนแก่น และเป็นแห่งแรกในส่วนภูมิภาค ณ มูลนิธิจิตกุศลขอนแก่น โดยมีนายเชาวน์วัศน์ สุดลาภา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในพิธีเปิด วัตถุประสงค์ต้องการให้บริการผู้ป่วยอุบัติเหตุจราจรในเขตเทศบาลนครขอนแก่นเป็นหลัก และให้บริการผู้ป่วยฉุกเฉินที่ไม่สามารถเดินทางไปโรงพยาบาลได้เอง โดยมีสถานีตำรวจภูธรเมืองขอนแก่นเป็นศูนย์สั่งการช่วยเหลือในเบื้องต้น หมายเลขโทรศัพท์ที่ใช้บริการผู้ป่วยคือ ๑๙๑
๒๕๓๗
จัดตั้ง “หน่วยกู้ชีพ” ขึ้นเป็นแห่งที่สอง สถานที่ปฏิบัติงาน คือ ห้องอุบัติเหตุและฉุกเฉิน โรงพยาบาลขอนแก่น โดยมี ศ.ดร.นพ.วิทุร แสงสิง-แก้ว อธิบดีกรมการแพทย์ เป็นประธานในพิธีเปิด
๒๕๓๘
โรงพยาบาลต่าง ๆ ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข และนอกสังกัดกระทรวงสาธารณสุข รวมทั้งภาคเอกชนของจังหวัดขอนแก่น ได้เห็นความสำคัญของการมี “หน่วยกู้ชีพ” จึงได้ร่วมกันจัดตั้ง “หน่วยกู้ชีพ” ขึ้นในหน่วยงานของตน เพื่อให้บริการผู้ป่วยอุบัติเหตุจราจรในพื้นที่บริการทางการแพทย์ แต่ยังไม่มีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบมากนัก เนื่องจากมีทรัพยากรจำกัด โดยมีโรงพยาบาลขอนแก่นเป็นแม่ข่าย ในการรับแจ้งเหตุผ่านทางหมายเลขโทรศัพท์ ๐๔๓ – ๒๓๗๑๓๗ และมีสถานีตำรวจภูธรเมืองขอนแก่นเป็นแม่ข่ายร่วม ใช้หมายเลขโทรศัพท์ ๑๙๑ เป็นหมายเลขรับแจ้งเหตุทางการแพทย์ฉุกเฉินด้วยแม่ข่าย /แม่ข่ายร่วม เมื่อได้รับแจ้งเหตุฉุกเฉินจะแจ้งให้หน่วยกู้ชีพในเขตพื้นที่เกิดเหตุออกให้บริการช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุจราจร ผลผู้ป่วยที่หน่วยกู้ชีพไปรับสามารถได้พบแพทย์คนแรกเร็วขึ้น
ผู้บริหารของโรงพยาบาลต่างๆ ที่จัดตั้ง“หน่วยกู้ชีพ”ได้เห็นความสำคัญของการจัดระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉินนี้ จึงได้จัดผู้ที่ผ่านอบรม / ฝึกปฏิบัติการช่วยชีวิต-รักษาพยาบาลเบื้องต้น (เทียบได้กับหลักสูตร First Responder ในปัจจุบัน) เป็นผู้ออกให้บริการ ณ จุดเกิดเหตุ เพื่อให้การรักษาพยาบาลเบื้องต้น พร้อมนำส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด ผู้ป่วยอุบัติเหตุจราจรบางรายที่มีความรุนแรงมากต้องให้แพทย์ / พยาบาลออกปฏิบัติงาน ร่วมด้วย ผลการปฏิบัติงานทำให้มีการนำส่งผู้ป่วยที่ประสบอุบัติเหตุจราจรจากที่ไม่เคยมีการนำส่งด้วย หน่วยกู้ชีพ มาเป็นผู้ป่วยที่ประสบอุบัติเหตุจราจรที่ถูกนำส่งด้วยหน่วยกู้ชีพ ประมาณ ร้อยละ ๕ ของผู้ป่วยอุบัติเหตุจราจรทั้งหมดที่มารับการรักษาพยาบาลที่ห้องอุบัติเหตุและฉุกเฉิน ผู้ป่วยจึงได้รับการรักษาพยาบาลได้ดีและรวดเร็วขึ้น
๒๕๓๙
ประเมินผลการให้บริการผู้ป่วยอุบัติเหตุจราจร พบว่าผู้ป่วยรุนแรงบางรายจำเป็นต้องให้แพทย์ พยาบาล ออกให้การช่วยเหลือ ณ จุดเกิดเหตุ ในขณะเดียวกันแพทย์ พยาบาล ที่ประจำห้องฉุกเฉินมีจำนวนจำกัด คณะกรรมการพัฒนาระบบบริการผู้ป่วย ณ จุดเกิดเหตุ เห็นปัญหาดังกล่าวจึงมอบหมายให้ทีมโรงพยาบาลขอนแก่นและวิทยาลัยการสาธารณสุขสิรินธร จังหวัดขอนแก่น จัดทำโครงการนำร่องสร้างหลักสูตร “ประกาศนียบัตรสาธารณศาสตร์ (กู้ชีพ) ระยะเวลาศึกษา ๒ ปี” เพื่อผลิตเจ้าพนักงานฉุกเฉินการแพทย์ ให้มาเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพในการปฏิบัติงานระบบบริการผู้ป่วย ณ จุดเกิดเหตุ ได้เริ่มผลิตเจ้าพนักงานฉุกเฉินการแพทย์ รุ่นที่ ๑ จำนวน ๑๗ คน หลังได้รับการอนุมัติหลักสูตรจากสถาบันพระบรมราชชนก สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ในปี พ.ศ. ๒๕๓๙ และสำเร็จการศึกษาในปี พ.ศ. ๒๕๔๑
๒๕๓๙
จัดทำโครงการ “ก่อสร้างอาคารอุบัติเหตุและฉุกเฉิน” โดยเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (นายเสนาะ เทียนทอง) เมื่อวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๙ ซึ่งได้รับอนุมัติโครงการในปีเดียวกัน แต่ช่วงนั้นเศรษฐกิจของประเทศอยู่ในขั้นวิกฤต รัฐบาลจึงได้อนุมัติเงินประมาณดำเนินการ จำนวน ๒๔๙.๕ ล้านบาท ในปีงบประมาณ ๒๕๔๒ และได้เริ่มทำการก่อสร้างในวันที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๔๒ เสร็จสิ้นวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๔ และเริ่มเปิดศูนย์อุบัติเหตุอย่างเป็นทางการในวันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๔
๒๕๔๐
ทบทวนความรู้ เรื่อง การป้องกันและควบคุมอุบัติเหตุจราจร ตลอดระยะ ๖ ปีที่ผ่านมา เห็นว่าองค์ความรู้ที่ได้จากเพื่อนร่วมอุดมการณ์เดียวกันมีจำนวนมากพอ ที่ถ่ายทอดให้ผู้มีหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจาก ๗ หน่วยงานหลัก อันประกอบด้วย คณะกรรมการป้องกันอุบัติภัยแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี ผู้ปฏิบัติงานในส่วนกลาง และหน่วยงานในส่วนภูมิภาคที่สังกัดกระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคม กระทรวงศึกษาธิการ ทบวงมหาวิทยาลัย กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานภาคเอกชน (สถาบันวิจัยแห่งประเทศไทย, สถาบันวิจัยสาธารณสุขไทย และสื่อมวลชน) จึงได้ร่วมกันจัดสัมมนาระดับชาติ เรื่อง อุบัติเหตุจราจร ครั้งที่ ๑ ซึ่งได้เรียนเชิญและได้รับการตอบรับจากนายกรัฐมนตรี (นายชวน หลีกภัย) มอบนโยบาย เพื่อให้ดำเนินงานต่อไป พร้อมทั้งรับข้อเสนอแนวนโยบายภาครัฐจากที่ประชุมไปพิจารณาต่อไป
๒๕๔๑
นพ.วิทยา ชาติบัญชาชัย และ นพ.วีระพันธ์ สุพรรณไชยมาตย์ พร้อมทั้งสถาปนิกจากกองวิศวกรรมทางการแพทย์ ได้เดินทางไปประเทศญี่ปุ่น เพื่อศึกษา – หารูปแบบ อาคารอุบัติเหตุและฉุกเฉิน ของโรงเรียนแพทย์ / โรงพยาบาลระดับตติยภูมิ ที่เหมาะสมที่จะมาเป็นต้นแบบให้อาคารอุบัติเหตุ ของโรงพยาบาลขอนแก่น โดยการประสานงานของรัฐบาลญี่ปุ่น (JICA)
๒๕๔๒
ได้ขอรับความช่วยเหลือจากรัฐบาลญี่ปุ่นให้การสนับสนุนรัฐบาลไทย ภายใต้โครงการ “The Project for Development of Trauma Center Complex” โดยเสนอผ่านกรมวิเทศสหการ สำนักนายกรัฐมนตรี ให้พิจารณาความเหมาะสมของโครงการตามลำดับความสำคัญก่อน – หลัง และรัฐบาลญี่ปุ่น ส่งผู้เชี่ยวชาญมาศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ จำนวน ๓ คณะ โดยพิจารณาถึง
- การให้ความสำคัญของโครงการโดยผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงสาธารณสุข
- การสนับสนุนโครงการ โดยผู้บริหารในพื้นที่(ผู้อำนวยการโรงพยาบาล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด และผู้ว่าราชการจังหวัด)
- การให้ความเชื่อมั่นต่อผู้รับผิดชอบโครงการในฐานะผู้บริหารโครงการทั้งหมดคือ นพ.วิทยา ชาติบัญชาชัย
- ผลที่ได้จากการสนับสนุนโครงการ
- ประชาชนได้อะไรโดยตรง
- รูปแบบการพัฒนาระบบบริหาร และระบบบริการ ในศูนย์อุบัติเหตุ
- การเป็นต้นแบบของการพัฒนา และขยายเป็นสถาบันการสอนในส่วนภูมิภาค
๒๕๔๓
รัฐบาลญี่ปุ่นได้ศึกษาความพร้อมและผลที่จะได้ จากการโครงการแนวโน้มของความสำเร็จและประโยชน์สูงสุดในระดับภูมิภาค จึงตอบรับเพื่อให้การสนับสนุนโครงการ “The Project for Development of Trauma Center Complex” โดยการบริหารจัดการของ นพ.วิทยา ชาติบัญชาชัย และมีการลงนามใน บันทึกความร่วมมือระหว่างประเทศ (MOU) ที่ห้องประชุม อุทัย สุขสุด สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข วันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๔๓ โดยมีผลในทันทีและกำหนดสิ้นสุดโครงการ พร้อมทั้งประเมินผลในวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๔๘ รูปแบบการพัฒนาโครงการประกอบด้วย
- การสนับสนุนผู้เชี่ยวชาญ ด้าน Emergency มาถ่ายทอดความรู้ ความสามารถให้บุคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาลขอนแก่น
- การบริหารจัดการในสถานการณ์ภัยพิบัติ / อุบัติเหตุกลุ่มชน และการติดต่อสื่อสารเพื่อ การช่วยเหลือ
- สื่อการเรียนการสอน
- การจัดการความรู้ด้านการป้องกันอุบัติเหตุจราจร
- อุปกรณ์ด้านความปลอดภัยจากอุบัติเหตุจราจร
- ครุภัณฑ์ทางการแพทย์ต้นแบบ ที่ควรมีในศูนย์อุบัติเหตุ
- ต้นแบบรถพยาบาลและระบบสื่อสาร
- ศูนย์ฝึกอบรมการช่วยชีวิต
- ส่งผู้รับผิดชอบไปฝึกอบรมด้านภาวะฉุกเฉินในประเทศญี่ปุ่น พัฒนาระบบสารสนเทศในระบบการแพทย์ฉุกเฉิน
- พัฒนาศูนย์สื่อสารและสั่งการด้านการแพทย์ฉุกเฉิน
- เสนอรูปแบบแนวนโยบายภาครัฐ ด้านการศึกษาและประชาสัมพันธ์ ในการป้องกันอุบัติเหตุจราจร
- จัดทำเอกสารการเรียนรู้คู่มือการปฏิบัติงาน คู่มือการวิเคราะห์ความเสี่ยง จุลสาร สื่อสิ่งพิมพ์เพื่อประชาสัมพันธ์ สื่อโสตเพื่อการเผยแพร่ ในทางช่องทางสื่อสารสาธารณะ
งบประมาณที่รัฐบาลญี่ปุ่นสนับสนุนโครงการ “The Project for Development of Trauma Center Complex” มากกว่า ๘๐ ล้านบาท หลังเสร็จสิ้นโครงการรัฐบาลญี่ปุ่นได้จัดส่งผู้เชี่ยวชาญมาตรวจเยี่ยม ให้คำแนะนำ ร่วมทำงานวิจัย และขอเชิญให้ นพ.วิทยา ไปเป็นวิทยากรเพื่อนำเสนอรูปแบบการพัฒนาศูนย์อุบัติเหตุในประเทศต่าง ๆ
๒๕๔๔
อาคาร “อุบัติเหตุ” ที่รัฐบาลสนับสนุน งบประมาณมีเฉพาะเพียงค่าก่อสร้างอาคาร ขาดงบประมาณจัดซื้อครุภัณฑ์ ได้ขอเสนอโครงการขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากกองโรงพยาบาลภูมิภาค จำนวน ๒๐ ล้านบาท เพื่อจัดซื้อครุภัณฑ์ที่จำเป็น และของบประมาณจากสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข เพื่อซื้อครุภัณฑ์เป็นเงิน ๗ ล้านบาท และได้รับงบประมาณตามที่ร้องขอไป และในปีเดียวกัน ได้จัดสัมมนาระดับชาติ เรื่อง อุบัติเหตุจราจร ครั้งที่ ๒ “การพัฒนาระบบบริการผู้ป่วยอุบัติเหตุ ในสหัสวรรษใหม่” มีผู้เข้าร่วมสัมมนาเป็นจำนวนมาก
๒๕๔๕
การขอเป็นศูนย์ฝึกอบรมขององค์การอนามัยโลก “WHO Collaborating Center in Pre Hospital Care and Injury Surveillance”และมีการจัดสัมมนาระดับชาติ เรื่อง อุบัติเหตุจราจร ครั้งที่ ๓ “การพัฒนาระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉิน ตามนโยบายรัฐบาล” ซึ่งเป็นการจัดสัมมนาต่อเนื่องทุกปี
๒๕๔๖
องค์การอนามัยโลก ได้อนุมัติให้โรงพยาบาลขอนแก่น เป็นศูนย์ประสานงานความร่วมมือทางวิชาการด้าน “Injury Prevention and Safety Promotion” เป็นแห่งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมี นพ.วิทยา ชาติบัญชาชัย เป็นผู้รับผิดชอบ (ผู้อำนวยการศูนย์ฯ) และกำหนดให้จัดการอบรมให้บุคลากรทางการแพทย์ในกลุ่มประเทศสมาชิก SEARO ในด้าน Injury Prevention และ Safety Promotion แต่ละครั้งของการอบรมจะมีบุคลากรทางการแพทย์ประเทศละ ๔ คน โดยกำหนดให้จัดอบรม ปีละ ๑ ครั้ง จนถึงปัจจุบัน และมีการจัดสัมมนาระดับชาติ เรื่อง อุบัติเหตุจราจร ครั้งที่ ๔ “การป้องกันการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ ”
เดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ เปิดอาคารศูนย์อุบัติเหตุและวิกฤตบำบัด
๒๕๔๗
ศูนย์อุบัติเหตุและวิกฤตบำบัด โรงพยาบาลขอนแก่น มีแผนพัฒนางานให้มีความก้าวหน้าและขยายให้ครอบคลุม และยังคงเป็นแกนหลักในการจัดจัดสัมมนาระดับชาติ เรื่อง อุบัติเหตุจราจร ครั้งที่ ๕ “การให้บริการการแพทย์ฉุกเฉิน ณ จุดเกิดเหตุ”
๒๕๔๘
รัฐบาลญี่ปุ่นได้อนุมัติให้ศูนย์อุบัติเหตุและวิกฤตบำบัด เป็นศูนย์ฝึกอบรมด้าน “Prevention and Safety Promotion” ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ในประเทศกลุ่มที่ ๓ ประเทศในลุ่มแม่น้ำโขงและประเทศในอาเซียน ประกอบด้วย สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ประเทศกัมพูชา ประเทศเมียนม่าร์ ประเทศอินโดนีเซีย ประเทศฟิลิปปินส์ ประเทศมาเลเซีย ประเทศสิงคโปร์ ประเทศบูรไน ประเทศเวียดนาม และประเทศไทย
มีการจัดสัมมนาระดับชาติ เรื่อง อุบัติเหตุจราจร ครั้งที่ ๖ “การป้องกันการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ จราจร” แก้ไขปัญหาการเกิดอุบัติเหตุจราจร โดยการที่จะทำให้จำนวนอุบัติเหตุลดลงได้ต้องอาศัยการมีส่วนร่วมจากหลายองค์กรมาดำเนินงาน โดยต้องมีการระดมผู้มีความรู้ ความสามารถ ใน ๖ ด้าน ประกอบด้วย
- Education
- Enforcement
- Engineering
- EMS
- Empowerment
- Evaluation
จึงเสนอแนวคิดดังกล่าวต่อ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เพื่อให้เกิด “โครงการ สนับสนุนการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนในจังหวัดนำร่อง”ที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่า “สอจร.”ในปี ๒๕๔๘ สสส. ได้ประเมินหลักการ แผนการปฏิบัติงาน แนวทางปฏิบัติ การมีส่วนร่วมขององค์กรและภาคประชาชน รูปแบบการติดตามและประเมินผล ผู้รับผิดชอบหลัก ผลสำเร็จที่ประชาชนจะได้รับ แรงผลักดันให้เกิดแนวนโยบายภาครัฐ
๒๕๔๙
การพัฒนาระบบบริการผู้ป่วยอุบัติเหตุระดับเขตตรวจราชการที่ ๑๐ และ ๑๒ การช่วยเหลือผู้ป่วยที่ประสบอุบัติเหตุจราจร ผู้ป่วยที่ประสบอุบัติเหตุจราจรที่เดินทางมาขอรับการรักษาที่โรงพยาบาลขอนแก่น ไม่ได้มีเฉพาะในเขตจังหวัดขอนแก่นเท่านั้น ยังมีผู้ป่วยจำนวนมากที่เดินทางข้ามจังหวัด ข้ามเขตตรวจราชการมาขอรับการรักษา สาเหตุเนื่องจากผู้ป่วยเห็นว่าจังหวัดขอนแก่นมีโรงพยาบาลที่มีศักยภาพสูงจำนวน ๒ แห่ง คือ โรงพยาบาลขอนแก่น และโรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
โรงพยาบาลขอนแก่น ไม่เคยปฏิเสธการรับผู้ป่วยไว้รักษา จำนวนการครองเตียงจึงมากกว่า ๑๐๐ % อยู่เสมอ จากปัญหาดังกล่าวจึงหาทางแก้ไขด้วยการเสนอผู้ตรวจราชการเขต ๑๐ และ ๑๒ ให้แต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาระบบบริการผู้ป่วยอุบัติเหตุ-ฉุกเฉิน เขต ๑๐ และ ๑๒ โดยมีผู้ตรวจราชการเป็นประธาน ตามคำสั่งสำนักงานสาธารณสุข ที่ ๕ / ๒๕๔๙ เรื่อง การแต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาระบบบริการผู้ป่วยอุบัติเหตุ – ฉุกเฉิน กลุ่มสาธารณสุขที่ ๖ (เขตตรวจราชการที่ ๑๐ และ ๑๒) กระทรวงสาธารณสุข โดยมีหน้าที่
- กำหนดนโยบายการพัฒนาระบบบริการผู้ป่วยฉุกเฉิน – อุบัติเหตุในเขต ๑๐ และ ๑๒
- มอบนโยบายและกำหนดผู้รับผิดชอบ ในแต่ละด้าน
- กำกับติดตามความก้าวหน้าของงานที่ได้สั่งการ / มอบหมายไว้
- กำหนดแนวทางการสั่งการในภาวะปกติและภาวะฉุกเฉิน ของผู้ป่วยอุบัติเหตุ และแต่งตั้งคณะทำงานพัฒนาระบบบริการผู้ป่วยอุบัติเหตุ – ฉุกเฉิน เขต ๑๐ และ ๑๒ ซึ่งกรรมการชุดนี้ได้มีการประชุมต่อเนื่องเพื่อหาแนวทางพัฒนาระบบงานร่วมกันทุก ๒ เดือน มาจนถึงปัจจุบัน
และในปีนี้ มีการจัดสัมมนาระดับชาติ เรื่อง อุบัติเหตุจราจร ครั้งที่ ๗ “ชุมชนถนนปลอดภัย : มอร์เตอร์ไซด์ ปลอดอุบัติเหตุ”
๒๕๕๐
เห็นว่าการดูแลผู้ป่วยที่บาดเจ็บ ในประเทศไทย มีความแตกต่างกันอย่างมาก จึงไม่สามารถกำหนดแหล่งอ้างอิงใดให้เป็นมาตรฐาน จึงได้เสนอในที่ประชุมอนุกรรมการขององค์การอนามัยโลก World Health Assembly Resolution ให้พิจารณา / จัดทำมาตรฐาน ในเรื่อง Trauma Care
ในปีนี้ มีการจัดสัมมนาระดับชาติ เรื่อง อุบัติเหตุจราจร ครั้งที่ ๘ “ท้องถิ่น – ชุมชน –ถนนปลอดภัย ร่วมใจลดอุบัติเหตุ”
๒๕๕๑
นพ.วิทยา ชาติบัญชาชัย ได้รับมอบหมายจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ให้เป็นหัวหน้าคณะไปศึกษาดูงาน เรื่อง การจัดการสถานการณ์สาธารณภัย ที่ประเทศสวีเดน ได้จัดทำเอกสาร เรื่อง “การบริหารจัดการทางการแพทย์ในสถานการณ์สาธารณภัย (Major Incident Medical Management and Support)” และได้การสนับสนุนจากสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ให้เป็นวิทยากรเดินทางไปอบรม ครู ก. ในหลักสูตร “การบริหารจัดการทางการแพทย์ในสถานการณ์สาธารณภัย (Major Incident Medical Management and Support)” ทั่วประเทศ
๒๕๕๒
นายแพทย์วิทยา ชาติบัญชาชัย ได้รับแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการดำเนินงานของ GRSP collaboration program on Community Youth Helmet Use Project รวมทั้งได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานคณะกรรมการฝ่ายอุบัติเหตุ ของราชวิทยาลัยศัลยแพทย์แห่งประเทศไทย และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาการพัฒนาระบบการให้บริการห้องฉุกเฉิน ของกระทรวงสาธารณสุข ประจำประเทศบังคลาเทศ
และมีการจัดสัมมนาระดับชาติ เรื่อง อุบัติเหตุจราจร ครั้งที่ ๙ “พลังเครือข่าย เพื่อถนนปลอดภัย: Partnership for Road Safety”
สำหรับในช่วงปลายปี ได้เริ่มโครงการ Motorway ของเขตตรวจราชการ ๑๐
๒๕๕๓
นพ.วิทยา ชาติบัญชาชัย ได้รับการแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการร่วมจัดทำ Resolution on injury prevention and safety promotion และนำเสนอในที่ประชุมครั้งที่ ๖๓ ของ WHO SEARO regional committee
องค์การอนามัยโลกได้แต่งตั้งให้ นพ.วิทยา ชาติบัญชาชัย เป็นผู้เชี่ยวชาญขององค์การอนามัยโลกในด้าน Trauma quality improvement program (TQI program) ซึ่ง นพ.วิทยา มีแผนที่จะจัดอบรม TQI Program ให้กับหัวหน้ากลุ่มงานศัลยกรรมทั่วประเทศในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ รวมทั้งร่วมผลักดันในเรื่อง WHO global alliance on trauma care
ตัวแทนของประเทศไทยในการประชุม “WHO Violence and Injury Prevention focal point meeting ครั้งที่ ๓ ” รวมทั้งได้รับมอบหมายให้นำเสนอรูปแบบของ Trauma System ของประเทศไทย และร่วมจัดทำ WHO SEARO recommendation on child traffic injury prevention
๒๕๕๔ – ๒๕๕๕
จัดทำโครงการวิจัยของ WHO trauma care check list project ในส่วนของประเทศไทย
ด้านการพัฒนาระบบสารสนเทศ เพื่อสนับสนุนการรักษาพยาบาลของผู้ประสบอุบัติเหตุจราจร นพ.วิทยา ได้ผลักดันให้สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ และบริษัทกลางผู้ประสบภัยจากรถ เชื่อมต่อฐานข้อมูล ITEM ของสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติกับฐานข้อมูล E –Claim ของบริษัทกลางผู้ประสบภัยจากรถ
ในปีนี้ มีการจัดสัมมนาระดับชาติ เรื่อง อุบัติเหตุจราจร ครั้งที่ ๑๐ “ทศวรรษแห่งการลงมือทำ: Time for Action”
เป็นแกนนำในการรณรงค์ในจังหวัด การสวมหมวกนิรภัยในการขับขี่มอเตอร์ไซค์ที่มากที่สุด และการลงนามในการป้องกันอุบัติเหตุที่ยาวที่สุดในประเทศไทยในปี ๒๕๕๔ และ๒๕๕๕ ตามลำดับ โดยการรับรองจากพิพิธภัณฑ์ริลีส์ พัทยา
วิสัยทัศน์ พันธกิจ
ภารกิจศูนย์อุบัติเหตุและวิกฤตบำบัด
- เป็นหน่วยงานพิเศษในกำกับของกลุ่มภารกิจด้านบริการตติยภูมิ
- เป็นศูนย์ความร่วมมือระหว่างองค์การอนามัยโลกด้านการป้องกันอุบัติเหตุ และส่งเสริมความปลอดภัย
- สนับสนุน ส่งเสริม ป้องกันการการบาดเจ็บทั้งภายในและภายนอกโรงพยาบาลขอนแก่น
- สนับสนุนระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉินจังหวัดขอนแก่น
- สนับสนุนระบบบริการรักษาพยาบาลผู้บาดเจ็บที่มารับการรักษาในโรงพยาบาลขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น
และเขตสุขภาพที่ 7
- งานเฝ้าระวังการบาดเจ็บโรงพยาบาลขอนแก่น
- ฝึกอบรมบุคลากรการศึกษาวิจัยและร่วมมือกับองค์กรทั้งภาครัฐ เอกชนทั้งภายในและต่างประเทศ
โครงสร้างศูนย์อุบัติเหตุและวิกฤตบำบัด
บัญชีรายละเอียดหน้าที่และความรับผิดชอบตามโครงสร้างงานและภารกิจ
ศูนย์อุบัติเหตุและวิกฤตบำบัด
นายวิทยา ชาติบัญชาชัย ตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ
ที่ปรึกษาศูนย์อุบัติเหตุและวิกฤตบำบัดและผู้อำนวยการศูนย์ความร่วมมือขององค์การอนามัยโลกด้านการป้องกันอุบัติเหตุ
มีหน้าที่และความรับผิดชอบ
- ให้คำปรึกษาของศูนย์อุบัติเหตุและวิกฤตบำบัด และผู้เชี่ยวชาญในคณะที่ปรึกษา ขององค์การอนามัยโลกด้านการป้องกันการบาดเจ็บ
- เป็นที่ปรึกษาในงานต่าง ๆ ดังนี้
- การวางแผนป้องกันอุบัติเหตุจราจรทั้งในประเทศและต่างประเทศ
- การพัฒนาระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉินของจังหวัดขอนแก่น
- การพัฒนาระบบดูแลรักษาผู้ป่วยอุบัติเหตุและฉุกเฉินในจังหวัดขอนแก่น
- การฝึกอบรมบุคลากรสาธารณสุข ด้านระบบการแพทย์ฉุกเฉิน ด้านการป้องกันอุบัติเหตุ ด้านการรักษา ทั้งภายในประเทศและนอกประเทศ
- การวิเคราะห์และจัดการข้อมูลการบาดเจ็บและเจ็บป่วยฉุกเฉิน
- อื่นๆ ตามที่ได้รับมอบหมาย
นายธวัชชัย อิ่มพูล ตำแหน่งนายแพทย์ชำนาญการ
ผู้ช่วยผู้อำนวยการภารกิจ ด้านบริการตติยภูมิขั้นสูงและหัวหน้าศูนย์อุบัติเหตุและวิกฤตบำบัด
มีหน้าที่และความรับผิดชอบ ให้บริหารการดำเนินงานศูนย์อุบัติเหตุและวิกฤตบำบัดและศูนย์ความร่วมมือระหว่างองค์การอนามัยโลกด้านการป้องกันการบาดเจ็บและส่งเสริมความปลอดภัยให้เกิดประโยชน์สูงสุด ดังนี้
- ร่วมบริหารจัดการบริหารงานด้านบุคคล งบประมาณ ครุภัณฑ์ของสำนักงาน ให้เพียงพอตามมาตรฐาน
- ร่วมประเมินผลความดีความชอบของบุคลากรในหน่วยงาน
- ร่วมทำแผนยุทธศาสตร์ แผนปฏิบัติการ โครงการ งานวิจัย ของหน่วยงานให้สอดคล้องตามนโยบายของกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 7 จังหวัดขอนแก่น และโรงพยาบาลขอนแก่น
- ควบคุมกำกับ ติดตามประเมินผล ตามตัวชี้วัดและติดตามผลการดำเนินงานให้เป็นไป ตามนโยบายของกระทรวงสาธารณสุข ระดับเขตสุขภาพที่ 7 ระดับจังหวัด และโรงพยาบาลขอนแก่น
- สนับสนุนการดำเนินงานและแก้ไขปัญหาของหน่วยงานให้มีประสิทธิภาพ
- บริหารจัดการการพัฒนาระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉินจังหวัดขอนแก่น
- พัฒนามาตรฐานการดูแลและรักษาผู้ป่วยอุบัติเหตุ ฉุกเฉินในระดับเขตสุขภาพที่ 7 ระดับจังหวัด และโรงพยาบาลขอนแก่น
- การสร้างเครือข่ายการป้องกันการบาดเจ็บและส่งเสริมความปลอดภัยทั้งในและต่างประเทศ (WHO-CC)
- การบริหารจัดการข้อมูลการเฝ้าระวังการบาดเจ็บ
- ประธานมูลนิธิการแพทย์ฉุกเฉินจังหวัดขอนแก่น
- งานอื่นๆ ที่ได้รับมอบหมาย
นายรัฐระวี พัฒนรัตนโมฬี ตำแหน่งนายแพทย์เชี่ยวชาญ
รองหัวหน้าศูนย์อุบัติเหตุและวิกฤตบำบัด และผู้อำนวยการศูนย์ความร่วมมือระหว่างองค์การอนามัยโลกด้านการป้องกันการบาดเจ็บและส่งเสริมความปลอดภัย
มีหน้าที่และความรับผิดชอบ ดังนี้
- ร่วมบริหารจัดการการดำเนินงานศูนย์ความร่วมมือระหว่างองค์การอนามัยโลกด้านการป้องกันการบาดเจ็บและส่งเสริมความปลอดภัยทั้งในและต่างประเทศ (WHO-CC) ให้มีประสิทธิภาพ
- ร่วมบริหารจัดการระบบข้อมูลสารสนเทศศูนย์อุบัติเหตุและวิกฤตบำบัด
- การส่งเสริมและป้องกันการบาดเจ็บร่วมกับภาคีเครือข่ายทั้งในและต่างประเทศ
- ร่วมบริหารจัดการการพัฒนาระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉินจังหวัดขอนแก่น
- งานอื่นๆ ที่ได้รับมอบหมาย
นายวริศ วีระวัฒนกูลตระกูล ตำแหน่งนายแพทย์ชำนาญการ
รองผู้อำนวยการศูนย์อุบัติเหตุและวิกฤตบำบัด
มีหน้าที่และความรับผิดชอบ ดังนี้
- ร่วมวางแผนการดำเนินงานศูนย์อุบัติเหตุและวิกฤตบำบัด ให้สอดคล้องตามนโยบายของกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 7 จังหวัดขอนแก่น และโรงพยาบาลขอนแก่น
- ร่วมบริหารจัดการพัฒนาระบบการรักษาผู้ป่วยบาดเจ็บในโรงพยาบาลขอนแก่น โดยให้มีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ นโยบายของกระทรวงสาธารณสุข ระดับเขตสุขภาพที่ 7 ระดับจังหวัด และโรงพยาบาลขอนแก่น
- ร่วมบริหารจัดการในหลักสูตรการอบรมด้านอุบัติเหตุและฉุกเฉินให้มีประสิทธิภาพ
- งานวิจัยและพัฒนา
- งานอื่นๆ ที่ได้รับมอบหมาย
นายแพทย์ธนชาติ หิรัญสมทรัพย์ ตำแหน่งนายแพทย์ชำนาญการ
มีหน้าที่และความรับผิดชอบ ดังนี้
- สอบสวน สาเหตุผู้เสียชีวิตที่เกิดจากอุบัติเหตุทางถนน ร่วมกับภาคีเครือข่าย รวมถึงการวิเคราะห์ และคืนข้อมูลเพื่อการป้องกัน และแก้ไขจุดเสี่ยงให้กับภาคีเครือข่าย
- ร่วมวางแผนการส่งเสริมความปลอดภัยและป้องกันการบาดเจ็บจากการใช้รถใช้ถนน ทั้งภายในและ
ภายนอกโรงพยาบาล
- วิเคราะห์และจัดเก็บข้อมูลการบาดเจ็บจากการใช้รถใช้ถนน ร่วมเสนอเพื่อการป้องกัน การแก้ไขและ
ส่งเสริมความปลอดภัย ทั้งภายในและภายนอกโรงพยาบาล
- งานอื่นๆ ที่ได้รับมอบหมาย
นางสุธิดา จันทร์จรัส ตำแหน่งพยาบาลวิชาชีพชำนาญการ
หัวหน้าสำนักงานศูนย์อุบัติเหตุและวิกฤตบำบัด
มีหน้าที่และความรับผิดชอบ ดังนี้
ด้านบริหาร
- ควบคุม กำกับ ติดตามการดำเนินงานของสำนักงานศูนย์อุบัติเหตุและวิกฤตบำบัดให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
- ร่วมบริหารจัดการบริหารงานด้านบุคคล งบประมาณ วัสดุ-ครุภัณฑ์ของสำนักงาน ให้เพียงพอตาม มาตรฐาน
- ประเมินผลความดีความชอบของบุคลากรในหน่วยงาน
- ร่วมทำแผนยุทธศาสตร์ แผนปฏิบัติการ โครงการ งานวิจัย ของหน่วยงานให้สอดคล้องตามนโยบายของกระทรวงสาธารณสุข และวิสัยทัศน์ของโรงพยาบาลขอนแก่น
- ควบคุมกำกับระบบหนังสือ ระบบงานสารบรรณ งานการเงิน งานบุคคล งานพัสดุ ให้เป็นไปตามงบที่ได้รับการจัดสรร
- สนับสนุนการดำเนินงานและแก้ไขปัญหาของหน่วยงานให้มีประสิทธิภาพ
- วางแผนการดำเนินงาน จัดทำแผนในการดำเนินงานประจำปีของหน่วยงาน
- เลขานุการมูลนิธิการแพทย์ฉุกเฉินจังหวัดขอนแก่น
- เป็นคณะกรรมการต่าง ๆ ทั้งภายใน ภายนอกโรงพยาบาลตามที่ได้รับแต่งตั้ง
- อื่นๆ ตามที่ได้รับมอบหมาย
ด้านบริการ
- ร่วมให้การพยาบาลด้านอุบัติเหตุและฉุกเฉิน ตามมาตรฐานการพยาบาลที่เกี่ยวข้องในมิติการพยาบาล ได้แก่การป้องกันภาวะแทรกซ้อน การฟื้นฟูสภาพและการส่งเสริมสุขภาพ
- ร่วมกำหนดแนวทาง รูปแบบ วิธีการเผยแพร่ ประยุกต์เทคโนโลยีด้านการพยาบาลผู้ป่วยอุบัติเหตุและฉุกเฉินระดับสากล เพื่อให้สอดคล้องและสนับสนุนภารกิจขององค์กร
- ให้คำปรึกษา แนะนำ เพื่อเพิ่มพูนความรู้ รวมถึงนิเทศ ฝึกอบรม ถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยีทางการพยาบาล แก่บุคลากรทั้งภายในภายและนอกหน่วยโรงพยาบาล รวมถึงการให้ความรู้ด้านสุขภาพแก่ประชาชน ผู้ใช้บริการ และคนในชุมชน
- ร่วมพัฒนาข้อมูล จัดทำเอกสาร คู่มือ แนวทางการปฏิบัติงาน ประยุกต์เทคโนโลยีด้าน การพยาบาลผู้ป่วยอุบัติเหตุและฉุกเฉิน เข้าร่วม โครงการงานวิจัยหรือโครงการพัฒนาต่างๆของหน่วยงาน รวมถึงจัดกิจกรรมวิชาการ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ CQI นวัตกรรม และนำผลการวิจัยไปใช้ปรับปรุงคุณภาพการพยาบาลในหน่วยงาน
- ร่วมจัดทำฐานข้อมูลระบบสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับงานด้านอุบัติเหตุและฉุกเฉินที่รับผิดชอบ เพื่อก่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และพัฒนาองค์กร
- ร่วมการทำงานด้านอุบัติเหตุและฉุกเฉิน ร่วมกับสหสาขาวิชาชีพทั้งภายในและภายนอกโรงพยาบาลเพื่อให้เกิดความร่วมมือและผลสัมฤทธิ์ตามที่กำหนด
- ประสานการใช้แหล่งประโยชน์และการทำงานร่วมกันทั้งภายใน ภายนอกทีมงานหรือหน่วยงาน เพื่อให้เกิดความร่วมมือในการส่งเสริม ป้องกัน ดูแลรักษา และฟื้นฟูสุขภาพของประชาชนและชุมชนในพื้นที่ที่รับผิดชอบ และดำเนินงานตามเป้าหมายของหน่วยงาน
- งานอื่นๆ ที่ได้รับมอบหมาย
ด้านวิชาการ
- ให้คำปรึกษา ถ่ายทอดองค์ความรู้และประสบการณ์ด้านอุบัติเหตุและฉุกเฉิน แก่บุคลากรในหน่วยงาน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภายในภายนอกโรงพยาบาล
- ร่วมวางแผนการพัฒนาบุคลากรสาธารณสุขที่เกี่ยวด้านอุบัติเหตุและป่วยฉุกเฉินทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ
- จัดทำเอกสาร ตำราวิชาการ งานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับด้านอุบัติเหตุและฉุกเฉิน
- สนับสนุน ส่งเสริมการเรียนรู้ทั้งภายในและภายนอกโรงพยาบาล รวมถึงภายในประเทศและต่างประเทศ
- งานอื่นๆ ที่ได้รับมอบหมาย
นางสาวสุภลักษณ์ ชารีพัด ตำแหน่งพยาบาลวิชาชีพชำนาญการ
มีหน้าที่และความรับผิดชอบ ดังนี้
ด้านบริหาร
- ดำเนินการ กำกับ ติดตามการตั้งเบิกค่าชดเชยของเครือข่ายกู้ชีพจังหวัดขอนแก่นให้ทันเวลา
- ร่วมวางแผนการพัฒนาระบบบริการแพทย์ฉุกเฉินจังหวัดขอนแก่นร่วมกับภาคีเครือข่าย
- ดำเนินงานด้านการป้องกันการบาดเจ็บและส่งเสริมความปลอดภัยทั้งภายในและภายนอกโรงพยาบาล
- ร่วมดำเนินงานศูนย์ความร่วมมือระหว่างองค์การอนามัยโลกด้านการป้องกันการบาดเจ็บและส่งเสริมความปลอดภัยทั้งในและต่างประเทศ (WHO-CC) ให้มีประสิทธิภาพ
- ร่วมแก้ไขปัญหาการดำเนินงานในงานที่รับผิดชอบร่วมกับหัวหน้าศูนย์อุบัติเหตุและวิกฤตบำบัด และหัวหน้าสำนักงานศูนย์อุบัติเหตุและวิกฤตบำบัด
- งานอื่นๆ ที่ได้รับมอบหมาย
ด้านบริการ
- ร่วมให้การพยาบาลด้านอุบัติเหตุและฉุกเฉิน ตามมาตรฐานการพยาบาลที่เกี่ยวข้องในมิติการพยาบาล ได้แก่การป้องกันภาวะแทรกซ้อน การฟื้นฟูสภาพและการส่งเสริมสุขภาพ
- ร่วมกำหนดแนวทาง รูปแบบ วิธีการเผยแพร่ ประยุกต์เทคโนโลยีด้านอุบัติเหตุและฉุกเฉินระดับสากล เพื่อให้สอดคล้องและสนับสนุนภารกิจขององค์กร
- ให้คำปรึกษา แนะนำ เพื่อเพิ่มพูนความรู้ รวมถึงนิเทศ ฝึกอบรม ถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยีทางการพยาบาล แก่บุคลากรทั้งภายในภายและนอกหน่วยโรงพยาบาล รวมถึงการให้ความรู้ด้านสุขภาพแก่ประชาชน ผู้ใช้บริการ และคนในชุมชน
- ร่วมพัฒนาข้อมูล จัดทำเอกสาร คู่มือ แนวทางการปฏิบัติงาน ประยุกต์เทคโนโลยีอุบัติเหตุและฉุกเฉิน เข้าร่วม โครงการงานวิจัยหรือโครงการพัฒนาต่างๆของหน่วยงาน รวมถึงจัดกิจกรรมวิชาการ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ CQI นวัตกรรม และนำผลการวิจัยไปใช้ปรับปรุงคุณภาพการพยาบาลในหน่วยงาน
- ร่วมจัดทำฐานข้อมูลระบบสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับงานด้านอุบัติเหตุและฉุกเฉินที่รับผิดชอบ เพื่อก่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และพัฒนาองค์กร
- ร่วมการทำงานด้านอุบัติเหตุและฉุกเฉิน ร่วมกับสหสาขาวิชาชีพทั้งภายในและภายนอกโรงพยาบาลเพื่อให้เกิดความร่วมมือและผลสัมฤทธิ์ตามที่กำหนด
- ประสานการใช้แหล่งประโยชน์และการทำงานร่วมกันทั้งภายใน ภายนอกทีมงานหรือหน่วยงาน เพื่อให้เกิดความร่วมมือในการส่งเสริม ป้องกัน ดูแลรักษา และฟื้นฟูสุขภาพของประชาชนและชุมชนในพื้นที่ที่รับผิดชอบ และดำเนินงานตามเป้าหมายของหน่วยงาน
- ตรวจสอบความพร้อมของเครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าอัตโนมัติที่อยู่ในความดูแลของมูลนิธิการแพทย์ฉุกเฉินจังหวัดขอนแก่น
- งานอื่นๆ ที่ได้รับมอบหมาย
ด้านวิชาการ
- ส่งเสริม จัดทำงานวิจัยที่เกี่ยวข้องด้านการป้องกันอุบัติเหตุ
- จัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริม และการป้องกันอุบัติเหตุทางถนน ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ
- สนับสนุน ส่งเสริมการเรียนรู้ด้านฉุกเฉินการแพทย์ภายนอกโรงพยาบาล
- จัดทำเอกสาร ตำราวิชาการ งานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับด้านอุบัติเหตุและฉุกเฉิน
- งานอื่นๆ ที่ได้รับมอบหมาย
นางสาวสุนทรี คำอ้วน ตำแหน่งพยาบาลวิชาชีพชำนาญการ
มีหน้าที่และความรับผิดชอบ ดังนี้
ด้านบริหาร
- ร่วมดำเนินงานศูนย์ความร่วมมือระหว่างองค์การอนามัยโลกด้านการป้องกันการบาดเจ็บและส่งเสริมความปลอดภัยทั้งในและต่างประเทศ (WHO-CC) ให้มีประสิทธิภาพ
- ติดตามการดำเนินงาน ศูนย์ความร่วมมือขององค์การอนามัยโลก ด้านการป้องกันอุบัติเหตุและส่งเสริมความปลอดภัย ประสานงานด้านการต่างประเทศ ระบบข้อมูลสารสนเทศด้านการบาดเจ็บให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
- ร่วมจัดทำฐานข้อมูลระบบสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับงานด้านอุบัติเหตุและฉุกเฉินที่รับผิดชอบ เพื่อก่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และพัฒนาองค์กร
- กำกับ ตรวจสอบ และทบทวนข้อมูลความถูกต้องของข้อมูลเฝ้าระวังการบาดเจ็บ (IS)
- ร่วมแก้ไขปัญหาการดำเนินงานในงานที่รับผิดชอบร่วมกับหัวหน้าศูนย์อุบัติเหตุและวิกฤตบำบัด และหัวหน้าสำนักงานศูนย์อุบัติเหตุและวิกฤตบำบัด
- อื่นๆ ตามที่ได้รับมอบหมาย
ด้านบริการ
- ร่วมให้การพยาบาลด้านอุบัติเหตุและฉุกเฉิน ตามมาตรฐานการพยาบาลที่เกี่ยวข้องในมิติการพยาบาล ได้แก่การป้องกันภาวะแทรกซ้อน การฟื้นฟูสภาพและการส่งเสริมสุขภาพ
- ร่วมกำหนดแนวทาง รูปแบบ วิธีการเผยแพร่ ประยุกต์เทคโนโลยีด้านอุบัติเหตุและฉุกเฉินระดับสากล เพื่อให้สอดคล้องและสนับสนุนภารกิจขององค์กร
- ให้คำปรึกษา แนะนำ เพื่อเพิ่มพูนความรู้ รวมถึงนิเทศ ฝึกอบรม ถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยีทางการพยาบาล แก่บุคลากรทั้งภายในภายและนอกหน่วยโรงพยาบาล รวมถึงการให้ความรู้ด้านสุขภาพแก่ประชาชน ผู้ใช้บริการ และคนในชุมชน
- ร่วมพัฒนาข้อมูล จัดทำเอกสาร คู่มือ แนวทางการปฏิบัติงาน ประยุกต์เทคโนโลยีด้านอุบัติเหตุและฉุกเฉิน เข้าร่วม โครงการงานวิจัยหรือโครงการพัฒนาต่างๆของหน่วยงาน รวมถึงจัดกิจกรรมวิชาการ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ CQI นวัตกรรม และนำผลการวิจัยไปใช้ปรับปรุงคุณภาพการพยาบาลในหน่วยงาน
- ร่วมการทำงานด้านอุบัติเหตุและฉุกเฉิน ร่วมกับสหสาขาวิชาชีพทั้งภายในและภายนอกโรงพยาบาลเพื่อให้เกิดความร่วมมือและผลสัมฤทธิ์ตามที่กำหนด
- ประสานการใช้แหล่งประโยชน์และการทำงานร่วมกันทั้งภายใน ภายนอกทีมงานหรือหน่วยงาน เพื่อให้เกิดความร่วมมือในการส่งเสริม ป้องกัน ดูแลรักษา และฟื้นฟูสุขภาพของประชาชนและชุมชนในพื้นที่ที่รับผิดชอบ และดำเนินงานตามเป้าหมายของหน่วยงาน
- งานอื่นๆ ที่ได้รับมอบหมาย
ด้านวิชาการ
- บริหารจัดการเกี่ยวกับข้อมูลระบบข้อมูลสารสนเทศด้านการบาดเจ็บให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
- จัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้งานด้านข้อมูลระบบข้อมูลสารสนเทศด้านการบาดเจ็บ
- งานอื่นๆ ที่ได้รับมอบหมาย
นางทองสุข ดาราษฎร์ ตำแหน่งพยาบาลวิชาชีพชำนาญการ
ด้านบริหาร
- การดำเนินการงานสนับสนุนการรักษาในโรงพยาบาลด้านการบาดเจ็บและป่วยฉุกเฉิน ให้สอดคล้องตามนโยบายของกระทรวงสาธารณสุข ระดับเขตสุขภาพที่ 7 ระดับจังหวัด และโรงพยาบาลขอนแก่น
- กำกับ ติดตามการดำเนินงานสนับสนุนการรักษาในโรงพยาบาลด้านการบาดเจ็บและป่วยฉุกเฉิน และตัวชี้วัดการดำเนินของหน่วยงาน
- บริหารจัดการศูนย์จัดการความรู้ด้านอุบัติเหตุและฉุกเฉินให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
- แก้ไขปัญหาการดำเนินงานในงานที่รับผิดชอบร่วมกับหัวหน้าศูนย์อุบัติเหตุและวิกฤตบำบัด และหัวหน้าสำนักงานศูนย์อุบัติเหตุและวิกฤตบำบัด
- อื่นๆ ตามที่ได้รับมอบหมาย
ด้านบริการ
- ร่วมให้การพยาบาลด้านอุบัติเหตุและฉุกเฉิน ตามมาตรฐานการพยาบาลที่เกี่ยวข้องในมิติการพยาบาล ได้แก่การป้องกันภาวะแทรกซ้อน การฟื้นฟูสภาพและการส่งเสริมสุขภาพ
- ร่วมกำหนดแนวทาง รูปแบบ วิธีการเผยแพร่ ประยุกต์เทคโนโลยีด้านอุบัติเหตุและฉุกเฉินระดับสากล เพื่อให้สอดคล้องและสนับสนุนภารกิจขององค์กร
- ให้คำปรึกษา แนะนำ เพื่อเพิ่มพูนความรู้ รวมถึงนิเทศ ฝึกอบรม ถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยีทางการพยาบาล แก่บุคลากรทั้งภายในภายและนอกหน่วยโรงพยาบาล รวมถึงการให้ความรู้ด้านสุขภาพแก่ประชาชน ผู้ใช้บริการ และคนในชุมชน
- ร่วมพัฒนาข้อมูล จัดทำเอกสาร คู่มือ แนวทางการปฏิบัติงาน ประยุกต์เทคโนโลยีด้านอุบัติเหตุและฉุกเฉิน เข้าร่วม โครงการงานวิจัยหรือโครงการพัฒนาต่างๆของหน่วยงาน รวมถึงจัดกิจกรรมวิชาการ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ CQI นวัตกรรม และนำผลการวิจัยไปใช้ปรับปรุงคุณภาพการพยาบาลในหน่วยงาน
- ร่วมจัดทำฐานข้อมูลระบบสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับงานด้านอุบัติเหตุและฉุกเฉินที่รับผิดชอบ เพื่อก่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และพัฒนาองค์กร
- ร่วมการทำงานด้านอุบัติเหตุและฉุกเฉิน ร่วมกับสหสาขาวิชาชีพทั้งภายในและภายนอกโรงพยาบาลเพื่อให้เกิดความร่วมมือและผลสัมฤทธิ์ตามที่กำหนด
- ประสานการใช้แหล่งประโยชน์และการทำงานร่วมกันทั้งภายใน ภายนอกทีมงานหรือหน่วยงาน เพื่อให้เกิดความร่วมมือในการส่งเสริม ป้องกัน ดูแลรักษา และฟื้นฟูสุขภาพของประชาชนและชุมชนในพื้นที่ที่รับผิดชอบ และดำเนินงานตามเป้าหมายของหน่วยงาน
- งานอื่นๆ ที่ได้รับมอบหมาย
ด้านวิชาการ
- จัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และการฝึกอบรมด้านการแพทย์อุบัติเหตุและฉุกเฉิน
- ร่วมบริหารจัดการโครงการอบรมที่เกี่ยวข้องกับการระบบบริการแพทย์ฉุกเฉิน และการดูแลรักษาผู้ป่วยบาดเจ็บและป่วยฉุกเฉิน
- ส่งเสริม จัดทำงานวิจัยที่เกี่ยวข้องด้านการป้องกันอุบัติเหตุและป่วยฉุกเฉิน
- จัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้การดูแลรักษาในโรงพยาบาลด้านการบาดเจ็บและป่วยฉุกเฉิน ในระดับเขตสุขภาพที่ 7 ระดับจังหวัด และโรงพยาบาลขอนแก่น และสรุปการประชุม Service Plan Traumaและ TEC ระดับเขตสุขภาพที่ 7
- ร่วมเป็นวิทยากร ACLS และ BLS ภายในและภายนอกโรงพยาบาล
- งานอื่นๆ ที่ได้รับมอบหมาย
นางสาวอรวรรณ แซ่ฉั่ว ตำแหน่ง พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ
มีหน้าที่และความรับผิดชอบ ดังนี้
ด้านบริหาร
- ดำเนินการมาตรการองค์กรด้านความปลอดภัยทางถนนในโรงพยาบาลขอนแก่น และรายงานแก่ผู้บริหาร และหัวหน้าหน่วยงานให้ทราบเพื่อการป้องกันและแก้ไขปัญหา
- วิเคราะห์ข้อมูลและรวบรวมรายงานประจำปีมาตรการองค์กรด้านความปลอดภัยทางถนนในโรงพยาบาลขอนแก่น
- ร่วมจัดกิจกรรมส่งเสริมความปลอดภัยทางถนนทั้งภายในและภายนอกโรงพยาบาลขอนแก่น
- การเฝ้าระวังการบาดเจ็บภายในให้ทันเวลา และมีประสิทธิภาพ
- งานอื่นๆ ที่ได้รับมอบหมาย
ด้านบริการ
- ร่วมให้การพยาบาลด้านอุบัติเหตุและฉุกเฉิน ตามมาตรฐานการพยาบาลที่เกี่ยวข้องในมิติการพยาบาล ได้แก่การป้องกันภาวะแทรกซ้อน การฟื้นฟูสภาพและการส่งเสริมสุขภาพ
- ร่วมพัฒนาข้อมูล จัดทำเอกสาร คู่มือ แนวทางการปฏิบัติงาน ประยุกต์เทคโนโลยีด้านอุบัติเหตุและฉุกเฉิน เข้าร่วม โครงการงานวิจัยหรือโครงการพัฒนาต่างๆของหน่วยงาน รวมถึงจัดกิจกรรมวิชาการ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ CQI นวัตกรรม และนำผลการวิจัยไปใช้ปรับปรุงคุณภาพการพยาบาลในหน่วยงาน
- ร่วมจัดทำฐานข้อมูลระบบสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับงานด้านอุบัติเหตุและฉุกเฉินที่รับผิดชอบ เพื่อก่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และพัฒนาองค์กร
- งานอื่นๆ ที่ได้รับมอบหมาย
ด้านวิชาการ
- สรุปการประชุมกรรมการบริหารศูนย์อุบัติเหตุและวิกฤตบำบัด/การประชุม TEC จังหวัดขอนแก่น
- รวบรวมสถิติ ตัวชี้วัดและเป้าหมายและผลสัมฤทธิ์สำคัญของหน่วยงาน
- รวมรวบ จัดทำทะเบียนการมาศึกษาดูงานของหน่วยงาน
- งานอื่นๆ ที่ได้รับมอบหมาย
นายมงคล อัศวภูมิ ตำแหน่งนักวิชาการสาธารณสุขปฏิบัติการ
มีหน้าที่และความรับผิดชอบ
- ร่วมบริหารจัดการการดำเนินงานป้องกันการบาดเจ็บ โดยการค้นคว้า วิเคราะห์ วิจัย สำรวจ รวบรวม การเก็บข้อมูลทางวิชาการเบื้องต้น การติดตามประเมินผล และนำข้อมูลมาใช้ให้เกิดประโยชน์
- วิเคราะห์ และสรุปผลการดำเนินงานประจำปีของหน่วยงาน
- ร่วมดำเนินงานโครงการเกี่ยวข้องกับการต่างประเทศ (WHO-CC) หรือประเทศอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
- ร่วมรวบรวม ตัวชี้วัดของหน่วยงาน และวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อให้ผู้บริหารนำเสนอในการตรวจราชการ การประชุมเพื่อพัฒนางานต่างๆ
- ร่วมออกสอบสวนการเกิดอุบัติเหตุในจังหวัดขอนแก่นร่วมกับภาคีเครือข่าย
- ร่วมพัฒนาข้อมูล จัดทำเอกสาร คู่มือ แนวทางการปฏิบัติงาน ประยุกต์เทคโนโลยีด้านอุบัติเหตุและฉุกเฉิน เข้าร่วม โครงการงานวิจัยหรือโครงการพัฒนาต่างๆของหน่วยงาน รวมถึงจัดกิจกรรมวิชาการ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ CQI นวัตกรรม และนำผลการวิจัยไปใช้ประโยชน์
- ประสานการใช้แหล่งประโยชน์และการทำงานร่วมกันทั้งภายใน ภายนอกทีมงานหรือหน่วยงาน เพื่อให้เกิดความร่วมมือในการส่งเสริม ป้องกัน ดูแลรักษา และฟื้นฟูสุขภาพของประชาชนและชุมชนในพื้นที่ที่รับผิดชอบ และดำเนินงานตามเป้าหมายของหน่วยงาน
- จัดทำหนังสือเชิญประชุม หนังสือตอบ-โต้ งานป้องกันการบาดเจ็บภายใน/ภายนอกหน่วยงาน
- งานอื่นๆ ที่ได้รับมอบหมาย
นางสาวณัฏธิรา แดงพรวน ตำแหน่งนักวิชาการคอมพิวเตอร์ปฏิบัติการ
มีหน้าที่และความรับผิดชอบ
- วิเคราะห์ข้อมูลการบาดเจ็บของผู้ป่วยที่มารับการรักษาที่โรงพยาบาลขอนแก่น
- ตรวจสอบความพร้อมใช้ขอโปรแกรม ISWIN จัดทำรายงาน Trauma Registry ประจำปี
- วิเคราะห์ข้อมูลการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนจังหวัดขอนแก่น นำเสนอผู้บริหารเพื่อร่วมหาทางแก้ไขปัญหา และป้องกันการเกิดอุบัติเหตุในจังหวัดขอนแก่น
- ลงข้อมูลและวิเคราะห์การเกิดอุบัติเหตุในแผนที่เขตเทศบาลอำเภอเมืองขอนแก่นด้วยโปรแกรม GIS (Geographic Information System)
- วิเคราะห์ข้อมูลการเสียชีวิตอุบัติเหตุทางถนน (ข้อมูล 3 ฐาน)
- จัดทำเอกสารวิชาการ ด้านการบาดเจ็บลง web site เผยแพร่จุลสารและหนังสือลงใน e-book รวมถึงตำราวิชาการอื่นๆ ของหน่วยงาน
- จัดทำข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลการบาดเจ็บอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาล
- ดูระบบ web site ของหน่วยงาน
- ตรวจสอบ และทบทวนข้อมูลความถูกต้องของข้อมูลเฝ้าระวังการบาดเจ็บ (IS)
- ออกแบบและจัดทำโปสเตอร์ประชาสัมพันธ์ต่างๆ จัดทำเกียรติบัตร ออกแบบปกหนังสือ
ออกแบบสื่อ สิ่งพิมพ์ต่างๆ
- ร่วมพัฒนาข้อมูล จัดทำเอกสาร คู่มือ แนวทางการปฏิบัติงาน ประยุกต์เทคโนโลยีด้านอุบัติเหตุและฉุกเฉิน เข้าร่วม โครงการงานวิจัยหรือโครงการพัฒนาต่างๆของหน่วยงาน รวมถึงจัดกิจกรรมวิชาการ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ CQI นวัตกรรม และนำผลการวิจัยไปใช้ประโยชน์
- ร่วมจัดทำฐานข้อมูลระบบสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับงานด้านอุบัติเหตุและฉุกเฉิน เพื่อก่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และพัฒนาองค์กร
- งานอื่นๆ ตามที่ได้รับมอบหมาย
นางสาวพัชรินทร์ เหล่าโก่ง ตำแหน่งนักจัดการงานทั่วไป
มีหน้าที่และความรับผิดชอบ ดังนี้
- วางแผนดำเนินการโครงการ และกิจกรรมของหน่วยงาน รวมถึงการสรุปโครงการ จัดเก็บเอกสารให้เรียบร้อย
- สรุปผลการดำเนินงานการโครงการ หลักลักสูตรอบรมประจำปีของหน่วยงาน
- อื่นๆ ที่ผู้บังคับบัญชามอบหมาย
นางสาวมะลิวรรณ ยี่ยวน ตำแหน่งเจ้าพนักงานธุรการ
มีหน้าที่และความรับผิดชอบ ดังนี้
- ปฏิบัติหน้าที่งานเลขานุการหัวหน้าศูนย์อุบัติเหตุและวิกฤตบำบัด
- งานธุรการในหน่วยงาน และทำหนังสือออกจากหน่วยงาน รวมถึงหนังสือตอบ-โต้ ภายใน/ภายนอกหน่วยงาน เช่น ประชุมคณะทำงานพัฒนางานอุบัติเหตุฉุกเฉินเขตสุขภาพที่ 7 (TEC เขต) ,คณะทำงานพัฒนางานอุบัติเหตุฉุกเฉินจังหวัดขอนแก่น ( TEC จังหวัด ) ประชุมคณะกรรมการบริหารศูนย์อุบัติเหตุและวิกฤตบำบัด ประชุม Service Plane Trauma ระดับจังหวัด ระดับเขตสุขภาพที่ 7 และ PCT Trauma เป็นต้น
- รวบรวมวันลาของบุคลากรในหน่วยงาน และเสนอขออนุมัติตามระบบ
- ขออนุมัติเดินทางและเบิกค่าเดินทางของเจ้าหน้าที่ในหน่วยงาน
- จัดเก็บหนังสือราชการของหน่วยงาน
- งานอื่นๆ ที่ได้รับมอบหมาย
นางสาวอรทัย ศรีถาวร ตำแหน่งเจ้าพนักงานธุรการ
มีหน้าที่และความรับผิดชอบ ดังนี้
- ดำเนินการด้านพัสดุของหน่วยงาน
- จัดทำทะเบียนพัสดุครุภัณฑ์ อุปกรณ์และเครื่องมือ เครื่องใช้ต่าง ๆ
- จัดซื้อจัดจ้าง ตรวจรับ เก็บรักษา เบิกจ่าย นำส่ง จัดทำทะเบียนพัสดุครุภัณฑ์
- ทำรายงานพัสดุประจำเดือนและรายการพัสดุคงเหลือประจำปีให้เป็นระเบียบของทางราชการ
- จัดทำหนังสือโต้ตอบ บันทึก ย่อเรื่อง สรุปความเห็น ตรวจสอบความถูกต้อง หลักฐานที่เกี่ยวกับงานพัสดุของหน่วยงาน
- จัดเตรียมอุปกรณ์ในการจัดอบรมทุกหลักสูตรของหน่วยงาน
- รวบรวมการมาปฏิบัติงานของบุคลากรในหน่วยงาน และเสนอต่อหัวหน้าศูนย์อุบัติเหตุและวิกฤติบำบัด
- เบิกค่าตอบแทนนอกเวลา P4P ของบุคลากรในหน่วยงาน
- งานอื่นๆ ที่ได้รับมอบหมาย
นายมนตรี นามหานวล ตำแหน่งเจ้าพนักงานธุรการ
มีหน้าที่และความรับผิดชอบ ดังนี้
- ตั้งเบิกค่าตอบแทนค่าชดเชยการออกปฏิบัติการเครือข่ายกู้ชีพจังหวัดขอนแก่น รวมถึงการติดตาม แก้ไขข้อมูลการเบิกค่าชดเชยการออกปฏิบัติการของเครือข่ายกู้ชีพจังหวัดขอนแก่น ให้สามารถเบิกได้ตามเวลาที่กำหนด
- รวบรวมแบบบันทึกการสั่งการและแบบบันทึกการออกปฏิบัติการเครือข่ายกู้ชีพจังหวัดขอนแก่น ในระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉินจังหวัดขอนแก่น
- ร่วมบริหารจัดการแผนงานและโครงการเกี่ยวกับระบบบริการแพทย์ฉุกเฉินจังหวัดขอนแก่น รวมถึงการจัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การอบรม การประชุมงานที่เกี่ยวข้องกับระบบบริการแพทย์ฉุกเฉินจังหวัดขอนแก่น
- ทำหนังสือเชิญประชุม หนังสือตอบโต้ที่เกี่ยวกับระบบบริการแพทย์ฉุกเฉินจังหวัดขอนแก่น
- ร่วมตรวจสอบความพร้อมของเครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าอัตโนมัติที่อยู่ในความดูแลของมูลนิธิการแพทย์ฉุกเฉินจังหวัดขอนแก่น
- ตรวจสอบคุณภาพของโปรแกรมสารสนเทศการแพทย์ฉุกเฉิน ITEMS ให้มีความพร้อมใช้
- งานอื่นๆ ตามที่ได้รับมอบหมาย
นายจักรพล ทานให้ ตำแหน่งพนักงานบริการเอกสารทั่วไป
- จัดการโครงการหลักสูตรต่างๆ ของหน่วยงาน/และมูลนิธิการแพทย์ฉุกเฉินจังหวัดขอนแก่น รวมถึงการสรุปโครงการ จัดเก็บเอกสารให้แล้วเสร็จ
- สรุปผลการดำเนินงานการจัดหลักสูตรอบรมประจำปีของหน่วยงาน
- จัดเก็บเอกสารการดำเนินงานมูลนิธิการแพทย์ฉุกเฉินจังหวัดขอนแก่น
- ทำหน้าที่ธุรการของหน่วยงานและมูลนิธิการแพทย์ฉุกเฉินจังหวัดขอนแก่น
- ประสานงานและจัดส่งเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในหน่วยงาน
- อื่นๆ ที่ผู้บังคับบัญชามอบหมาย
แผนปฏิบัติงานรายปี