การบริจาคเลือด
เลือด เป็นส่วนประกอบที่สำคัญของร่างกาย เปรียบเสมือนสายธารหล่อเลี้ยงชีวิต ตามปกติแล้วมนุษย์เราจะมีเลือดไหลเวียนอยู่ในร่างกายประมาณ 4,000 – 5,000 ซีซี ดังนั้นการบริจาคเลือดเพียง 350-450 ซีซี หรือประมาณ 9% จึงไม่ก่อให้เกิดอันตรายใด ๆ แต่กลับจะมีผลดี เพราะร่างกายมีการกระตุ้นให้เกิดการสร้างเม็ดเลือดใหม่ออกมาชดเชย การบริจาคเลือดสามารถบริจาคได้ทุก 3 เดือนในผู้ชาย และทุก 3 เดือนในผู้หญิง
คุณสมบัติของผู้บริจาคเลือด
- อายุ 18 – 60 ปี
- น้ำหนักไม่ต่ำกว่า 45 กิโลกรัม
- สุขภาพแข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ ลมชัก
- นอนหลับอย่างน้อย 6 ชั่วโมง
- ควรรับประทานอาหารก่อนบริจาคเลือดภายใน 4 ชั่วโมง
- ไม่อยู่ในระหว่างกินยาปฏิชีวนะ หรือยากันเลือดแข็ง
- ไม่ได้รับการถอนฟันภายใน 72 ชั่วโมงก่อนการบริจาคเลือด รวมทั้งไม่มีบาดแผลสด หรือแผลติดเชื้อตามร่างกาย
- ไม่มีประวัติเคยเป็น หรือตรวจพบเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิด บี ซี หรือเชื้อโรคเอดส์
- ไม่มีประวัติเป็นโรคมาลาเรียในระยะเวลา 3 ปี
- ไม่มีประวัติเป็นผู้เสพยาเสพติดชนิดใช้เข็มฉีด
- ไม่มีประวัติความเจ็บป่วยที่มาจากการบริจาคเลือดอันก่อให้เกิดอันตรายต่อตนเอง
- ผู้หญิงไม่อยู่ในระหว่างการมีประจำเดือน ตั้งครรภ์ ให้นมบุตร
การปฏิบัติหลังบริจาคเลือด
- นอนพักประมาณ 5 นาที ถ้ามีอาการมึนเวียนศีรษะให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทันที
- งดใช้แขนข้างที่บริจาคเลือดยกของหนัก หรือโยกงอแรง ๆ อย่างน้อย 12 ชั่วโมง เพื่อป้องกันเลือดออกและแขนบวมช้ำ
- รับประทานขนมและน้ำหวาน/เครื่องดื่ม 1-2 แก้ว เพื่อทดแทนปริมาณเลือดที่ท่านบริจาค
- และควรดื่มน้ำมาก ๆ เมื่อกลับจากการบริจาค
- งดออกกำลังกาย เล่นกีฬา อบตัว/อบไอน้ำ 1 วัน เพื่อป้องกันอุบัติเหตุจากการเสียเหงื่อ/น้ำในร่างกาย
- งดสูบบุหรี่ครี่งชั่วโมง ภายหลังการบริจาคเลือด เพื่อป้องกันอาการคลื่นไส้อาเจียน
- งดดื่มแอลกอฮอล์จนกว่าท่านจะได้รับประทานอาหารก่อน เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ
บริจาคโลหิต
ห้องรับบริจาคโลหิต ชั้น 3 อาคารคุณากรปิยชาติ
วันจันทร์ – วันศุกร์ (ไม่เว้นวันหยุดราชการ) เวลา 08.30 - 20.00 น. ปิดรับลงทะเบียน 19.30 น.
วันเสาร์ – วันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 08.30 - 16.00 น. ปิดรับลงทะเบียน 15.30 น.
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่... 043 – 232555 ต่อ 1307, 094 - 1989329
การบริจาคเกล็ดเลือด (Single Donor Platelets)
เกล็ดเลือด (Platelets) คือ ส่วนประกอบของโลหิตช่วยทำให้เลือดแข็งตัว และช่วยอุดรอยฉีกขาดของเส้นเลือด เกล็ดเลือดมีอายุสั้น เก็บได้เพียง 7 วัน ในร่างกายของคนเราจะมีเกล็ดเลือดประมาณ 1- 5 แสนตัว/ลูกบาศก์มิลลิลิตร ในกรณีที่มีเกล็ดเลือดต่ำจะทำให้เกิดภาวะเลือดออกง่าย
การบริจาคเกล็ดเลือด สามารถบริจาคได้ทุก 1 เดือน โดยใช้เครื่องแยกส่วนโลหิตอัตโนมัติ (Cell Separator Device) ผู้บริจาคจะถูกเจาะเลือดที่แขนข้างหนึ่ง เครื่องจะปั่นแยกเกล็ดเลือดไว้ โดยคืนส่วนอื่นกลับสู่ร่างกาย ใช้เวลาบริจาคประมาณ 2 ชั่วโมง และต้องเก็บรักษาไว้ที่อุณหภูมิ 22 องศาเซลเซียส พร้อมกับมีการเขย่าเบาๆ ตลอดเวลา
ผู้ป่วยที่ต้องได้รับเกล็ดเลือดในการรักษา มีผู้ป่วยเป็นจำนวนมากที่ต้องใช้เกล็ดเลือดในการรักษา เนื่องจากไขกระดูกสร้างได้น้อย เช่น โรคไขกระดูกฝ่อ ลิวคีเมีย เป็นต้น รวมทั้ง ผู้ป่วยที่สูญเสียเกล็ดเลือดจำนวนมากจากการเสียเลือด เช่น ผ่าตัดใหญ่ ผ่าตัดหัวใจ ตกเลือดในการคลอด อุบัติเหตุ เป็นต้น
คุณสมบัติผู้บริจาคเกล็ดเลือด
- อายุ 17-60 ปี
- บริจาคครั้งแรก อายุไม่เกิน 55 ปี
- น้ำหนัก > 55 กิโลกรัม
- มีค่าเกล็ดเลือด >2 แสนตัว :โลหิต 1 ลูกบาศก์มิลลิลิตร ค่า MCV 75-100 fl.
- เป็นผู้ที่มาบริจาคโลหิตชนิดโลหิตรวมอย่างน้อย 7ครั้งและต้องเคยบริจาค ที่รพ.ศูนย์ขอนแก่น อย่างน้อย 1 ครั้ง ภายใน 6 เดือน
- มีเส้นเลือดที่ข้อพับแขน มองเห็นชัดเจน
- ไม่กินยาแก้ปวดแอสไพรินก่อนบริจาค 5 วัน มีจำนวนเกล็ดเลือด 2.5 แสนตัว/ลูกบาศก์มิลิลิตรในการบริจาคครั้งแรก (ก่อนบริจาคจะขอเจาะโลหิตเพื่อตรวจนับจำนวนเกล็ดเลือดก่อน)
- วันเวลาทำการบริจาคเกล็ดเลือด 08.30-15.30 น.ทุกวัน (ปิดรับท่านสุดท้ายเวลา 13.30 น.)
- นัดหมายการบริจาคเกล็ดเลือดหรือสอบถามเพิ่มเติมโทร.043232555 ต่อ1307
สิทธิพิเศษในการรักษาพยาบาลของผู้บริจาคโลหิต
1.ผู้บริจาคโลหิตตั้งแต่ 16 ครั้งขึ้นไป ตรวจสุขภาพประจำปีฟรี ปีละ 1 ครั้ง
2.ผู้บริจาคโลหิตตั้งแต่ 1 ครั้งขึ้นไป ได้รับการช่วยเหลือค่าห้องพิเศษและค่าอาหารพิเศษ ตามสิทธิ์จากหน่วยงานต้นสังกัด ส่วนที่เกินได้รับการลดหย่อนร้อยละ 50
สำหรับผู้ไม่มีสิทธิ์ดังกล่าวได้รับการช่วยเหลือ ร้อยละ 50 ของอัตราที่กำหนดไว้
3.ผู้บริจาคโลหิตตั้งแต่ 18 ครั้งขึ้นไป ไดรับการช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาล ร้อยละ 50 ของอัตราที่กำหนดไว้ แต่ถ้าอยู่ห้องพิเศษจ่ายค่าห้องพิเศษและอาหารพิเศษร้อยละ 50 ของอัตราที่กำหนดไว้
4.ผู้บริจาคโลหิตตั้งแต่ 24 ครั้งขึ้นไป ไม่คิดมูลค่าการรักษาพยาบาล แต่ถ้าอยู่ห้องพิเศษจ่ายค่าห้องพิเศษและอาหารพิเศษร้อยละ 50 ของอัตราที่กำหนดไว้
หมายเหตุ : ข้อ 2-4 ต้องมีหนังสือรับรองจากเหล่ากาชาดหรือสาขาบริการโลหิตจังหวัดนั้นๆ