การดูแลสุขภาพดวงตาของพระสงฆ์ ป้องกันภาวะตาบอดจากโรคต้อหิน

แนะการดูแลสุขภาพดวงตาของพระสงฆ์ ป้องกันภาวะตาบอดจากโรคต้อหิน

กรมการแพทย์ ห่วงใยสุขภาพดวงตาของพระสงฆ์ แนะพระสงฆ์ควรหมั่นตรวจสุขภาพดวงตา หากมีอาการผิดปกติควรรีบพบจักษุแพทย์เพื่อรักษาโดยทันที

นายแพทย์ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์  เปิดเผยว่า โรคต้อหิน คือ ภาวะที่มีการทำลายประสาทตา ซึ่งสัมพันธ์กับความดันลูกตาสูง ลานสายตาหรือความกว้างในการมองเห็นจะสูญเสียไปเรื่อยๆ ทำให้ลานสายตาแคบลงและสายตาจะมัวลง ส่วนใหญ่พบในผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป แต่อาจ

พบได้ในคนที่มีอายุต่ำกว่านี้หรือเป็นมาตั้งแต่กำเนิดและมักเป็นกับตาทั้งสองข้าง จากการสำรวจสุขภาพพระสงฆ์ของโรงพยาบาลสงฆ์ พบพระสงฆ์มีความเสี่ยงในการเกิดโรคต้อหินเป็นจำนวนมาก ดังนั้น

หากพระสงฆ์พบอาการผิดปกติของดวงตา ควรรีบเข้ารับการดูแลรักษาโดยจักษุแพทย์ทันที เพื่อลดภาวะเสี่ยงต่อการเกิดโรคต้อหิน ป้องกันภาวะตาบอดและเพื่อการมีสุขภาพตาที่ดี

นายแพทย์อภิชัย สิรกุลจิรา  ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสงฆ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า โรงพยาบาลสงฆ์

ได้เล็งเห็นปัญหาสุขภาพดวงตาของพระสงฆ์ โดยเฉพาะโรคต้อหิน เนื่องจากโรคต้อหินในระยะเริ่มแรกส่วนใหญ่จะไม่แสดงอาการให้ผู้ป่วยสังเกตได้ จนกว่าจะเริ่มมีอาการตามัว ซึ่งเป็นระยะที่โรคเป็นมากแล้ว โดยจักษุแพทย์จะทำการตรวจวินิจฉัยโรค ได้แก่ การตรวจโรคต้อหิน ทำการวัดสายตา การตรวจดูขั้วประสาทตา การตรวจวัดมุมตา การตรวจจอประสาทตา และการตรวจลานสายตา  ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคต้อหิน ได้แก่ ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคต้อหิน มีสายตาสั้นหรือยาวมากๆ เป็นโรคเบาหวาน

โรคความดันโลหิตสูงและโรคต่อมไทรอยด์ เป็นต้น ซึ่งจากสถิติโรคต้อหินในผู้ป่วยรายใหม่

ที่มารับการรักษาที่โรงพยาบาลสงฆ์ ปีงบประมาณ 2564 จำนวน 148 รูป และที่พบจากโครงการถวายการตรวจสุขภาพพระสงฆ์ที่เอื้อต่อพระธรรมวินัย 12 เขตสุขภาพ จังหวัดนครราชสีมาและจังหวัดชัยภูมิ   จำนวน 3 รูป  อีกทั้งยังพบพระสงฆ์ที่มีความเสี่ยงเป็นโรคต้อหิน จำนวน 12 รูป ที่ต้องมารับการตรวจวินิจฉัยโดยจักษุแพทย์อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง โดยมีวิธีการรักษา 3 วิธี ได้แก่ 1.การใช้ยา 2.การยิงเลเซอร์ 3.การผ่าตัด ซึ่งการเลือกวิธีรักษาวิธีใดนั้นขึ้นอยู่กับชนิดและความรุนแรงของโรค โดยอยู่ในดุลยพินิจของจักษุแพทย์ผู้รักษา

ที่มา : กรมการแพทย์